หากมีเวลาว่าง 1 วันเต็มในการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ เราคงไม่อยากหัวเสียและเสียเวลาไปกับการสัญจรที่แออัดบนท้องถนน อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนอกจากการใช้บริการขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็คือการล่องเรือเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ให้ความรู้สึกอิสระ ไม่เร่งรีบ ทั้งยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ เรียนรู้วิถีชุมชนริมน้ำ เพื่อค้นพบสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอาจไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ ที่สำคัญคือราคาค่าโดยสารเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์มากเลยทีเดียว
เส้นทางนี้เราจะเริ่มต้นกันที่ท่าเรือสาทร โดยเราสามารถเลือกโดยสารเรือได้หลายสาย แต่สายที่แนะนำคือ สายธงส้ม ที่มีจุดเริ่มต้นจากท่านนทบุรี และสิ้นสุดที่ท่าวัดราชสิงขร ที่สำคัญคือค่าโดยสารที่ถูกมาก เพียง 15 บาทเท่านั้น (ตลอดสาย)
ท่าแรกที่แนะนำคือ ท่าสี่พระยา (น.3)
เชื่อว่าสายฮิปคงจะต้องคุ้นเคยกับย่านนี้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะมีแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์อย่าง TCDC ที่ไปรษณีย์กลางบางรักแล้ว ตลอดเส้นถนนเจริญกรุงยังมีความคลาสสิกของสถาปัตยกรรมสวย ๆ ให้ได้แชะภาพกันอย่างไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว หรือใครอยากจะข้ามฟากไปชิคที่ Warehouse 30 โกดังงานคราฟต์ที่มีทั้งงานแสดง ของใช้เท่ ๆ หรือคาเฟ่นั่งชิลล์ก็บอกเลยว่าโดนใจแน่นอน
ถัดมาเป็นท่าราชวงศ์ (น.5)
เปลี่ยนมู้ดกันด้วยบรรยากาศย่านการค้าอย่างย่านเยาวราช ถ้าไปช่วงกลางวันแนะนำให้ช้อปสินค้าราคาส่งที่สำเพ็ง แต่ถ้าไปช่วงหัวค่ำไปจนถึงกลางคืนที่นี่คือแหล่งรวมของกินสุดอร่อยที่ห้ามพลาดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ถนนเยาวราช
ไม่ไกลจากนั้นคือท่าสะพานพุทธ (น.6)
สายบุญต้องไม่พลาดนั่งเรือข้ามฟากแวะไหว้หลวงพ่อโตที่วัดกัลยาณมิตรที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่าลืมแวะเที่ยวชุมชนกุฏีจีน เรียนรู้ความเป็นมาของชุมชนที่บ้านพิพิธภัณฑ์ แวะชิมของกินขึ้นชื่ออย่างขนมกุฎีจีน และไฮไลต์ที่เป็นแลนด์มาร์กอย่างโบสถ์ซางตาครูซ ที่มีอายุกว่า 100 ปีเลยทีเดียว


ชุมชนกุฎีจีน
ข้ามกลับมาที่ฝั่งท่ายอดพิมาน (น.6/1)

ที่นี่มี ยอดพิมานริเวอร์วอล์ค แหล่งคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีทั้งความเป็นไทยและโมเดิร์นผสมผสานอย่างลงตัวในที่เดียว ครบครันด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ให้เราดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำไปแบบฟิน ๆ ถ่ายรูปชิค ๆ ก็ยังไหว
เดินไปอีกซักนิดเราจะพบกับท่าเตียน (น.8)
เพียงแค่ข้ามถนนไปจากท่าเรือเราก็จะเจอวัดโพธิ์ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ใครนอกจากความสวยงามภายในวัดที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีบริการนวดวัดโพธิ์ที่ขึ้นชื่อไว้บริการ นอกจากนี้ใกล้ ๆ กันยังมีมิวเซียมสยาม แหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับทั้งการเที่ยวคนเดียว เที่ยวเป็นคู่ หรือจะยกไปเป็นครอบครัวที่นี่ก็เหมาะสุด ๆ

วัดโพธิ์
ถัดไปจากท่าเตียน เราก็จะพบกับท่าช้าง (น.9)
แลนด์มาร์กที่เราจะเห็นเด่นมาแต่ไกลเมื่อเดินใกล้ถึงท่าช้างก็คือ วัดพระแก้ว นั่นเอง อย่างที่ทราบกันว่าคนไทยสามารถเข้าไปเที่ยวได้ฟรี (ชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋วชุด 500 บาท) อย่าลืมไหว้ขอพรพระแก้วมรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) ภายในพระอุโบสถ และชมภาพจิตรกรรมอันงดงาม บริเวณใกล้เคียงยังมีจุดให้เดินถ่ายรูปสวย ๆ กับตึกกระทรวงกลาโหมสีเหลืองสดใสและกรมแผนที่ทหารได้อีกด้วย

วัดพระแก้ว
จากนั้นไปแวะชิลล์กันตต่อที่ท่าพระอาทิตย์ (น.15)
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านเรื่องเล่าและการจัดแสดงวัตถุที่พิพิธบางลำพู ศูนย์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมชุมชนเพื่อให้เห็นวิถีชีวิตก่อนเก่าของชาวชุมชนบางลำพู ใกล้กันยังมีป้อมพระสุเมรุ ที่มีสวนเล็ก ๆ ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศริมน้ำ นอกจากนี้ตลอดทั้งเส้นถนนพระอาทิตย์ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารมากมายให้ได้เลือกนั่งกัน หรือใครอยากจะแฮงค์เอาต์ต่อที่ถนนข้าวสารก็สามารถเดินทะลุซอยชนะสงครามไปได้เลย

ถนนข้าวสาร
เรือโดยสารธงส้มให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 05.50 น. – 19.00 น. (เรือวิ่งทุก ๆ 5-20 นาที)
และวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 19.00 น. (เรือวิ่งทุก ๆ 20 นาที)
ค่าบริการ : 15 บาทตลอดสา