หากพูดถึงจังหวัดปริมณฑลแล้ว รู้ไหมว่า มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจเพียบเลยนะ ขับรถก็ง่าย มีความสะดวกสบาย และที่สำคัญมีรถสาธารณะเข้าถึง ไม่เป็นอุปสรรคในการเที่ยวเปิดหูเปิดตาแน่นอนค่ะ และจังหวัดแรกที่เราจะพาไปเที่ยวก็คือ จังหวัดสมุทรปราการ
จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย และยังเป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานครอีกด้วย มีแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญมากมาย แต่วันนี้เราจะพาไปเที่ยว เมืองโบราณกันค่ะ
เมืองโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จำลองสถานที่ต่างๆในประเทศไทย โดยมีพื้นที่มากกว่า 800 ไร่ ด้วยลักษณะที่ดินคล้ายรูปขวาน เหมือนกับอาณาเขตของประเทศไทย จึงได้จัดวางสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทยในทุกภาคให้ตรงกับผังที่ดินเมืองโบราณ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอีสาน นอกจากนี้ยังมีส่วน สุวรรณภูมิ ที่จัดแสดงรูปแบบตามความเชื่อในวรรณคดีไทยและพุทธศาสนาที่สวยงามอีกด้วย ภายในเมืองโบราณจะประกอบด้วย โบราณสถาน ปูชนียสถาน วัดโบราณ ตลาดน้ำ ตลาดบก พระราชวังต่างๆ เป็นต้น ซึ่งประกอบด้วยอาคารที่สร้างจำลองขึ้นใหม่ ด้วยการลดสเกลลง หรือ อาคารจริงที่ย้ายมาตั้งไว้ยังเมืองโบราณเอง ภายในเมืองโบราณเองยังมีที่พักแรม ชื่อว่า "ค่ายริมขอบฟ้า" อีกด้วย
ด้วยพื้นที่ที่มากกว่า 800 ไร่ เมืองโบราณจึงมีรถรางไว้ให้บริการ หากใครไม่ชอบปั่นจักรยาน หรือไม่อยากนำรถยนต์เข้า สามารถเช็ครอบรถรางได้ตามนี้เลย
รอบรถรางที่ให้บริการ
รอบที่ 1 : 10.00 - 12.00 น.
รอบที่ 2 : 13.00 - 15.00 น.
รอบที่ 3 : 15.00 - 17.00 น.
รอบที่ 4 : 17.00 - 19.00 น.
การเดินทาง
รถสาธารณะ
- Bts ลงสถานีเคหะฯ ออกทางออก 3 ลงมาจะเจอรถสองแถวสาย 36 ปากน้ำ-บางปู
- รถตู้ประจำทางที่วิ่งระหว่างสำโรง-คลองด่าน
รถส่วนตัว
- ใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่สำโรง-สมุทรปราการ ถึงสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (ไปทางบางปู) ประมาณ กม. 33 เมืองโบราณจะอยู่ทางซ้ายมือ สังเกตุป้ายบอกทาง มีป้ายบอกทางตลอด
เบอร์โทรศัพท์ : 02-323-4094-9
เว็บไซต์ : https://www.muangboranmuseum.com/
เวลาเข้าชม : 09.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม (ราคานี้รวมรถราง จักรยาน และนั่งเรือ)
- ผู้ใหญ่ ท่านละ 400 บาท
- เด็ก 6 - 14 ปี ท่านละ 200 บาท
ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างประเทศ
- ผู้ใหญ่ ท่านละ 700 บาท
- เด็ก 6 - 14 ปี ท่านละ 350 บาท
ข้ามฝั่งมาที่จังหวัดนนทบุรีกันบ้าง หลายๆคนคงรู้จักเกาะเกร็ดกันดี เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ถึงขนาดมีอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดกันเลยทีเดียว กับเกาะเกร็ดแหล่งดินเผา
การเดินทางรอบๆเกาะเกร็ดนี้มีหลายทางเลยค่ะ จะนั่งเรือ หรือขี่จักรยานรอบเกาะก็ทำได้ เกาะเกร็ดมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ร้านเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆ น่ารัก ราคาถูก ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องปั้นทางศิลปะแขนงต่างๆ อีกมากมาย สำหรับใครที่เลือกปั่นจักรยานเที่ยวรอบเกาะ อย่าลืมเลือกซื้อของฝากจำพวกเครื่องปั้นดินเผา และแวะชิมขนมไทย ทอดมันหน่อกะลา ข้าวแช่ กะละแม และคนอมจิน อาหารชาวมอญโบราญ แล้วไปปิดท้ายด้วยการนั่งเรือกินลมชมทัศนียภาพเพลินๆรอบเกาะเกร็ดก็ได้
การเดินทางภายในเกาะเกร็ด
- เดิน : เกาะเกร็ดเป็นเกาะเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ตั้งติดกัน สามารถเดินไปตามทางได้เรื่อยๆ โดยมีระยะที่ทางสามารถเดินถึงกันได้
- ปั่นจักรยาน : มีค่าเช่าจักรยานอยู่ที่ คันละ 40 บาท มีจุดให้เช่า 2 จุดคือ ท่าเรือวัดปรมัยยิกาวาส และเท่าเรือวันป่าฝ้าย ได้เที่ยวแล้วแถมยังได้ออกกำลังกายไปในตัว วิธีนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเลย
- นั่งเรือ : มีเรือข้ามฟากที่วัดสนามเหนือ ข้ามมาที่ท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส หากจะนั่งเรือรอบเกาะ มีเรือหางยาว นั่งได้ประมาณ 8 คน เหมาลำลำละ 500 บาท แต่แวะคลองขนมหวาน ราคา 700 บาท เรือเล็กเช่าจากปากเกร็ด เข้าคลองขนมหวาน ราคา 150 – 200 บาท
วิธีเดินทางไปเกาะเกร็ด
- รถส่วนตัว :
1. ถนนติวานนท์ - เมื่อถึงห้าแยกปากเกร็ด ให้เลี้ยวซ้าย ตรงไปเรื่อยๆ สังเกตซ้ายมือจะมีซอยวัดสนามเหนือ
2. ถนนแจ้งวัฒนะ - เมื่อผ่านเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ให้ชิดซ้ายไว้ ไม่ขึ้นสะพานพระราม4 ให้ตรงไปยังห้าแยกปากเกร็ด และตรงต่อไปเรื่อยๆ จนถึงซอยวัดสนามเหนือ
3. สะพานพระราม4 เมื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ลงทางลงปากเกร็ด จากนั้นกลับรถตรงที่กลับรถหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฮอลลีวูดปากเกร็ด แล้วตรงไป สังเกตซ้ายมือจะมีซอยวัดสนามเหนือ เมื่อถึงวัดสนามเหนือจะมีบริการรับจอดรถคันละ 30 บาทตลอดทั้งวัน
- รถสาธารณะ : สามารถนั่งสาย 32, 51, 52, 104, 105, 166, 337, 356, 367, 388, 505 ลงที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ฮอลลีวูดหรือตลาดปากเกร็ด แล้วนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปยังท่าเรือวัดสนามเหนือ
- รถตู้ : สามารถนั่งสายอนุสาวรีย์ชัยฯ-ปากเกร็ด, มีนบุรี – ปากเกร็ด, รามคำแหง – ปากเกร็ด และอีกหลากหลายเส้นทางให้บริการ
หากยังพอมีเวลาและมีแรงเหลือๆ มาต่อกันที่ Rongsi Studio กันเถอะ ซึ่งที่นี่ เป็นทั้ง homestay และ cafe ที่มีโซนถ่ายรูปสวยๆมากมาย ใครที่มาจังหวัดนนทบุรีไม่ควรพลาดที่จะแวะเช็คอินที่นี่เลย
โดยโรงสี สตูดิโอ เป็นคาเฟ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดัดแปลงมาจากโรงสีเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นโรงสีข้าวแบบไอน้ำ คาเฟ่แห่งนี้จะแบ่งออกเป็น 4 โซน โซนแรกจะเป็นห้องแอร์ ตกแต่งออกมาได้สวยงามและคลาสสิค โซนที่สองจะเป็นโซนเอาท์ดอร์ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์ โซนที่สาม จะเป็นโซนริมน้ำ สามารถนั่งห้อยขาชมวิวริมน้ำชิลๆ โซนสุดท้ายคือโซนที่พัก จะเปิดเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากพักผ่อนริมน้ำแบบ Slow Life เมนูแนะนำจะเป็น ปอเปี๊ยะโรงสี (ราคา 250 บาท) เป็นปอเปี๊ยะสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่เชฟครีเอทออกมาให้เป็นเมนูเอกลักษณ์ของทางโรงสี สตูดิโอโดยเฉพาะ จะมีส่วนผสมของหมูและกุ้ง ประกบหน้ากันด้วยสาหร่าย เสิร์ฟแบบปอเปี๊ยะแผ่น พร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน และยังมีเมนูน้ำหวาน และขนมเค้กต่างๆ ให้สามารถเลือกทานได้อีกด้วย
การเดินทาง
- จอดรถที่วัดปากคลองพระอุดม แล้วนั่งเรือข้ามฝั่งมา คนละ 10 บาท เรือจะมาจอดที่หน้า cafe เลย
เวลาเปิดบริการ : ทุกวัน 10.00-22.00 น.
ติดต่อสอบถามจองโต๊ะหรือห้องพัก - line : @rongsistudio
- โทร : 094-159-6664 , 02-082-8865
- เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/RongsiStudio/
มาถึงจังหวัดที่ติดกับนนทบุรีกันและไม่ไกลจากกรุงเทพ เที่ยวครบ จบในวันเดียว นั่นก็คือ จังหวัดปทุมธานี เราจะพาไปเที่ยวแบบฮิปสเตอร์ที่ “กระท่อมลุงจรณ์” สวรรค์ของคนรักกระบองเพชร
ถ้าใครรักและชื่นชอบกระบองเพชร แล้วมีโอกาสแวะมาปทุมธานี แนะนำให้มาเที่ยวกระท่อมลุงจรณ์ รับรองว่าจะตื่นตาตื่นใจ กับต้นกระบองเพชรที่มีมากมายกว่า 2000 สายพันธุ์ มีหลายราคาตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักแสนเลย แถมเปิดให้เข้าชมฟรีอีกด้วย แต่หากใครต้องการชมสวนกรุณาโทรนัดล่วงหน้านะคะ
ส่วนวิธีช้อปปิ้งทางหน้าสวนจะมีตะกร้า และคีมสำหรับคีบต้นกระบองเพชร ถ้าถูกชะตากับต้นไหน สามารถคีบไปจ่ายเงินได้เลย โดยราคาจะแจ้งโดยพนักงานตอนคิดเงินค่ะ ซึ่งเราสามารถเลือกรับหรือไม่รับตอนนี้ได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เบอร์โทรติดต่อ : 086 525 6874
- facebook : https://bit.ly/3nSaBMQ
- เวปไซต์ : http://www.uncle-chorn.com/
- วันเวลาที่เปิดบริการ : วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 08.00 - 17.00 น. ปิดทุกวันพุธ
อีกหนึ่งที่ในจังหวัดปทุมธานีที่ห้ามพลาดเลยคือ บ้าน ๑,๐๐๐ ไม้ cafe'&farm โดยที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้การเกษตร เหมาะที่จะพาครอบครัวมาผักผ่อนทำกิจกรรมในวันหยุด นอกจากนี้ยังเปิดเป็นร้านอาหารและคาเฟ่ ใต้ร่มเงาของต้นจามจุรียักษ์ และจัดพื้นที่และโซนที่นั่งได้แบบมีสไตล์ ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม กาแฟ และอาหารจานเดียว พร้อมด้วยสลัดผักสดจากผักในฟาร์มและน้ำสลัดที่ทางร้านทำเองให้บริการอีกด้วย
เมื่อเข้ามาภายในร้านเหมือนเป็นอาณาจักรแห่งเด็กเล่น พื้นที่ด้านหน้าจัดเป็นโซนกิจกรรมสำหรับเด็ก มีทั้ง ดำนา เก็บไข่ไก่ ทำสวนปลูกต้นไม้ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับมาเที่ยวแบบครอบครัว พาเด็ก ๆ มาทำเรียนรู้การใช้ชีวิตกับธรรมชาติ พื้นที่บริเวณกลางร้านจัดแต่งเป็นคาเฟ่ เหมาะสำหรับนั่งชิล พักผ่อน ทานอาหาร จุดเด่นคือมีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางคอยให้ร่มเงา มีบันไดที่สามารถเดินขึ้นไปข้างบนได้ และบริเวณรอบๆ มีมุมที่นั่งหลายโซน รวมทั้งมุมถ่ายรูปมากมาย ส่วนโซนด้านในสุด คือ ที่นั่งริมน้ำ และมุมนั่งพักผ่อนต่างๆ ที่นี่มีบริการนั่งเรือไปเที่ยวตลาดอิงน้ำวัดสามโคกด้วย โดยให้บริการเป็นรอบ ค่าโดยสารราคาคนละ 50 บาท สำหรับบ้าน ๑,๐๐๐ ไม้ Cafe & Farm นี้ จัดได้ว่า เป็นร้านที่อบอุ่นเหมาะสมในการมาเที่ยวกันทั้งครอบครัว
ข้อมูลเพิ่มเติม
- ร้านเปิดเฉพาะวัน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 10:00-17:00 น.
- เบอร์โทรศัพท์ : 0919982466
- Facebook : https://www.facebook.com/บ้าน๑๐๐๐ไม้cafefarm-624351667704047/