ประเทศไทยมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน พื้นที่ตั้งอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดจากมหาสมุทรอินเดีย ทำให้เกิดเป็นฤดูฝน และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดจากทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดฤดูหนาว มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 18-34 องศาเซลเซียส
ฤดูกาลในแต่ละภูมิภาคของประเทศนั้นจะแตกต่างกันเล็กน้อย เกิดจากปัจจัยด้านอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และความห่างไกลจากทะเลเป็นสำคัญ โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง มีภูมิอากาศแบบสะวันนา คือ มีช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งสลับกันชัดเจน ส่วนภาคใต้และภาคตะวันออกมีภูมิอากาศแบบป่าฝนเมืองร้อน คือ ฝนตกเกือบตลอดทั้งปี
ฤดูกาลตามแต่ละภูมิภาคแบ่งได้ดังนี้
ภาคเหนือ มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือ ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ฤดูฝน คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ฤดูฝน คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ภาคกลาง มี 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน คือช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ฤดูฝน คือช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูหนาว คือช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ภาคใต้ มีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝน หรือฤดูมรสุม และฤดูร้อน หรือฤดูท่องเที่ยว โดยฝั่งตะวันออกหรือฝั่งอ่าวไทย ฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ส่วนฝั่งตะวันตกหรือฝั่งทะเลอันดามัน ฤดูร้อนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน
ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวประเทศไทยคือช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน-เมษายน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกิจกรรมและเทศกาลหรืองานประเพณีที่น่าสนใจต่างๆ ตลอดทั้งปีทั่วประเทศ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ ก็สามารถหมุนเวียนท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจึงสามารถเลือกช่วงเวลาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน
ประเทศไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และศิลปวัฒนธรรมที่งดงามในทุกภูมิภาค นักท่องเที่ยวจึงสามารถหมุนเวียนท่องเที่ยวได้ตลอดปี
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน เช่น จังหวัดกระบี่ เกาะภูเก็ต หมู่เกาะสุรินทร์ ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เช่น อำเภอหัวหิน เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากการเที่ยวชมเมือง ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมแล้ว ยังมีกิจกรรมและกีฬาชนิดต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทำได้ตามความถนัดและความชอบ เช่น ช็อปปิ้ง นวดแผนไทย สปา ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก พายเรือคายัคและแคนู เดินป่า ปีนหน้าผา ตีกอล์ฟ เรียนมวยไทย เรียนทำอาหารไทย ล่องเรือ ล่องแพ ล่องแก่ง แข่งรถ ยิงธนู ยิงปืน ขี่จักรยาน ร่อนร่ม (Paragliding) เล่นสกี เล่นเรือใบ เล่นบานาน่าโบ้ต นั่งบอลลูน นั่งเฮลิคอปเตอร์ นั่งเครื่องบินเล็ก กระโดดบันจี้จัมพ์ กระโดดร่ม สกายไดฟ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล ศาสนา และประเพณีต่างๆ เช่น ลอยกระทง สาดน้ำสงกรานต์ เวียนเทียนวันเข้าพรรษา ตักบาตรเทโว ชมบั้งไฟพญานาค เที่ยวงานเทศกาลสะพานข้ามแม่น้ำแคว เที่ยวชมทุ่งทานตะวัน เที่ยวชมตลาดน้ำ เป็นต้น
กรณีฉุกเฉิน กรุณาติดต่อ
- ตำรวจ, รถพยาบาล, รถดับเพลิง หมายเลขโทรศัพท์ 191
- ตำรวจท่องเที่ยว หมายเลขโทรศัพท์ 1155
- ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1672
- บริษัท ขนส่ง จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 1490
- การรถไฟแห่งประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1690