ตะลึงสัตว์โบราณ ณ วนอุทยานภูแฝก เพลินใจวัฒนธรรมชาวภูไทเก่าแก่

จากหลักฐานทางโบราณคดี กาฬสินธุ์คือจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ทั้งยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาวภูไท ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าสนใจ หากพร้อมแล้วก็เตรียมร่างกายและจิตใจไปท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์กันได้เลย

เริ่มวันแรกกันแต่เช้าสักหน่อย เพื่อรับอาหารเช้าที่ ‘แตง อาหารเช้า’ ร้านอาหารเช้าเก่าแก่ในอำเภอเมืองซึ่งเปิดบริการมานานกว่า 37 ปี นอกจากอาหารแสนอร่อยที่มีให้เลือกทั้งไข่กระทะ กาแฟร้อน กาแฟเย็น หรือต้มเลือดหมู ยังได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าแสนเรียบง่ายของคนท้องถิ่น ก่อนจะลัดเลาะเลียบถนนย่านเมืองเก่าไม่ไกลกัน ไล่ตั้งแต่ถนนผ้าขาว ถนนโสมพะมิตร ถนนธนะ ที่มีอาคารบ้านเรือนเก่าแก่อายุนับร้อยปี แบะโรงภาพยนตร์แบบสแตนด์อะโลนที่แม้จะปิดตัวลงแล้วแต่ยังหลงเหลือเป็นความทรงจำไว้ทั้งบรรยากาศและร่องรอยของวิถีชีวิตที่ชวนให้หยิบกล้องมากดชัตเตอร์

สายหน่อยแนะนำให้มุ่งหน้าไปสัมผัสกับวิถีชาวบ้านยัง ‘อ่างเก็บน้ำห้วยสังเคียบ’ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านเหล่าภูพาน และหากมาแต่เช้าตรู่ก็จะได้พบกับวิถีการจับปลาแบบโบราณด้วยเครื่องมือชื่อแปลกอย่าง ‘สะดุ้ง’ อุปกรณ์หาปลาสุดคลาสสิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่านั้นยังได้เปิดประสบการณ์ผ่านบทสนทนากับชาวบ้าน อิ่มเอมกับทัศนียภาพและความน่ารักไม่เหมือนใคร

ถัดไปไม่ไกลกันนั้น ลองเผื่อเวลามายัง ‘พุทธสถานภูดานไห’ อันเงียบสงบที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านกุดหว้า เพียงก้าวเท้าเข้ามาก็รับรู้ได้ถึงความสงบร่มเย็น และพบกับภาพงดงามตระการตา อาทิ ถ้ำเหล็กไหล ที่มีความเหมือนจริงด้วยสีและลวดลายที่เกิดจากการเขียนแบบของช่างศิลป์รุ่นปู่ย่าตายายอายุนับร้อยปี

สถานที่สำคัญทางศาสนาของกาฬสินธุ์ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะยังมี ‘วัดวังคำ’ วัดของชาวลาวที่เราจะได้สัมผัสกับขนบธรรมเนียมของชาวภูไท ทั้งการแต่งกายและสถาปัตยกรรมแบบลาวที่อ่อนช้อยและเต็มไปด้วยสีสันสะดุดตา ยิ่งกว่านั้นหากเข้าหน้าเทศกาลวัดวังคำยังเรียงรายด้วยของอร่อยรสจัดจ้านแบบอีสานแท้ ให้นักท่องเที่ยวได้ลองลิ้มและเรียนรู้วิถีการกินแบบชาวกาฬสินธุ์ไปพร้อมกัน

อิ่มบุญ อิ่มใจ ถอดชุดของชาวภูไทแล้วเปิดสมอง สองตา และจับรถมุ่งหน้าจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อเดินย้อนเวลาไปในยุคที่ไดโนเสาร์ยังมีชีวิต และศึกษาซากดึกดำบรรพ์กว่าหลายร้อยล้านปี ณ ‘พิพิธภัณฑ์สิรินธร’ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีซากดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์แบบ ‘ครบวงจร’ แห่งแรกของประเทศไทย เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เห็นถึงอดีตตั้งแต่การกำเนิดโลก กระทั่งการกำเนิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อย่างเรา สำคัญคือมีสื่อในการนำเสนอครบทั้งแสง สี เสียง รับรองได้ว่าทุกคนที่ก้าวเข้ามาจะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อยจากพื้นที่ตรงนี้อย่างแน่นอน

เริ่มบ่ายคล้อยแล้วอยากผ่อนคลาย เราและนำให้มาฝากท้องที่ ‘สะพานเทพสุดา’ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เป็นสะพานใหญ่ทอดยาวเกือบ 2 กิโลเมตร ข้ามเขื่อนลำปาวที่มีร้านอาหารบนแพเรียงรายมากมาย เราเลือกนั่งแพรับประทานอาหารพร้อมชมวิวยามบ่าย ภาพความสวยงามของวิวทิวทัศน์ น้ำในเขื่อนลำปาวระยิบระยับ เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติที่แวะถ่ายรูปก็ดีและรับประทานอาหารก็ได้

รสชาติอาหารอีสานในร้านอาหารบนแพเขื่อนลำปาวทำให้เรากระปรี้กระเปร่าขึ้นอีกจึงตัดสินใจเดินทางอีกครั้ง เพื่อชมความน่ารักของชาวบ้านดอนแคน ณ ‘สวนปันบุญ’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่มีแปลงผักสีเขียวสดทักทายสายตาของเราตั้งแต่เริ่มสาวเท้าเข้าสวนยิ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของสวนปันบุญอย่าง ‘พี่สุ’ ก็ยิ่งประทับใจในรายละเอียดของสวนแห่งนี้ ด้วยเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อพี่สุตรวจพบโรคร้าย และทราบว่าสาเหตุสำคัญของโรคคืออาหารเจือปนสารเคมี สุดท้ายเธอจึงหาวิธีรักษาสุขภาพผ่านการกินอาหารสะอาดร่วมกับกลุ่มเพื่อนคอเดียวกัน กระทั่งเกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์อันแสนร่มรื่นแห่งนี้

นอกจากเรื่องราวดีๆ ในสวนเกษตรอินทรีย์แห่งนี้แล้ว บนพื้นที่ราว 5 ไร่ ยังมีอาหารอร่อยมากมายไว้คอยเสิร์ฟ อาทิ สลัดโรลจากผักสดกรอบเก็บใหม่ๆ จากในสวน พร้อมน้ำสลัดโฮมเมดที่ใส่ข้าวกล้องเป็นวัตถุดิบเพิ่มความหอมมัน นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยม อาทิ แชมพูสมุนไพรจากมะกรูดและอัญชัน วางขายรอให้จับจ่ายเป็นของฝากสะท้อนความตั้งใจอยากแบ่งปันคุณภาพชีวิตดีๆ ให้กับทุกคน

ย้อนกลับมายังตัวเมืองในยามเย็น แวะพักกายให้หายร้อนที่ร้าน ‘cafe de' SUPAK’ (คาเฟ่ เดอ สุภัค) ที่ตั้งอยู่ในอาคารโบราณคลาสสิก บรรยากาศภายนอกและการตกแต่งภายในร้านผสมผสานความดั้งเดิมและความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเมนูซิกเนเจอร์แสนสดชื่น อาทิ ชาเขียวมะกรูด เสิร์ฟคู่กับดับเบิ้ลชีสเค้ก นับเป็นคาเฟ่ที่พลาดไม่ได้ที่จะมาลิ้มลองรสชาติพลางดื่มด่ำบรรยากาศในวันว่าง

เย็นย่ำค่ำลงแต่กาฬสินธุ์ก็ไม่ได้เงียบสงัดแต่อย่างใด ซ้ำยังครึกครื้นไปด้วยบรรยากาศของตลาดนัดกลางคืน อาทิ ‘ตลาดโรงสี’ แหล่งรวมอาหารอร่อยอายุกว่าค่อนศตวรรษโดยเฉพาะร้านหมูสะเต๊ะรสเด็ดที่เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2495 รวมถึงร้านโรตีไดโนเสาร์ที่เสิร์ฟเมนูแปลกใหม่เคล้าเสียงเพลงฟังสบายกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวมาหลายปี

เรานั่งทอดกายจิบบรรยากาศกาฬสินธุ์ยามค่ำคืนแล้วรู้สึกครึกครื้นไปกับดนตรีสดที่ดังแว่วมาแต่ไกล ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนที่ยังไม่หลับใหลจึงชอบมาฝากท้องและพักใจกันที่นี่

ท่องเที่ยวกันจนเต็มอิ่มตั้งแต่การศึกษาซากดึกดำบรรพ์ แล้วจบวันดีๆ ด้วยสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสุดคลาสสิก บอกได้ว่ากาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่ใหญ่ มีที่เที่ยวหลากหลาย ไม่เพียงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่พร้อมให้เราเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมอันล้ำค่า อาทิ วัฒนธรรมของชาวภูไท รวมถึงความงามของวัดวาที่มีกลิ่นอายของศิลปะแบบไทย-ลาว หากมีเวลาจึงอยากแนะนำให้แวะเวียนมาจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ที่จะทำให้คุณยิ้มเมื่อได้มาเยือน