รายละเอียด
1. กิจกรรมล่องเรือดูวาฬบรูด้า
กิจกรรมล่องเรือดูวาฬบรูด้า อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ตื่นเต้นกับการล่องเรือดูวาฬบรูด้า ในเขต อำเภอบ้านแหลม ช่วงประมาณเดือนตุลาคม-มกราคม หรือช่วงปลายฤดูฝนเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจะไปพบกับวาฬบรูด้าที่ว่ายน้ำหาอาหาร และโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำ อ้าปากกว้างกินปลากระตัก และมีฝูงนกนางนวลบินวนอยู่เหนือน้ำเพื่อรอกินปลากระตักที่กระโดดหนีวาฬ
ข้อมูลเรือท่องเที่ยวสำหรับชมวาฬบรูด้าในจังหวัดเพชรบุรี
- ท่าเรือแหลมผักเบี้ย มีเรือหลายลำ ขึ้นเรือก่อน 08.00 น. ราคาเหมา 5,000 บาท ต่อเที่ยว (10 คน) โดยต้องจองล่วงหน้า มีบริการประกันอุบัติเหตุ เหมาลำ 200 บาท (เลือกจ่ายเพิ่มได้) ติดต่อจองเรือได้ที่คุณสาว โทรศัพท์ 09 2713 9730 คุณมนู โทรศัพท์ 08 1856 4939 Facebook : อโนชา อยู่ทอง Line ID : SAV73
- ท่าเรือหาดเจ้าสำราญ มีเรือหลายลำ เป็นเรือประมงของชาวบ้าน ขึ้นเรือเวลา 09.00 น. ราคาเหมา 5,000 บาท ต่อเที่ยว (10 คน) โดยต้องจองล่วงหน้ารวมเสื้อชูชีพ หากมาไม่ครบ 10 คน ไม่ประสงค์เหมาลำ และมีความประสงค์จะร่วมลงเรือกับคณะอื่น ให้ติดต่อผู้ประสานงานติดต่อจองเรือได้ที่คุณชมพู่ โทรศัพท์ 09 0798 7042 (ผู้ประสานงาน) Line ID : CHOMIIPU
- ท่าเรือบางตะบูน มีเรือออกวันละ 1 เที่ยว ขึ้นเรือเวลา 08.00 น. ราคาเหมา 6,000 บาท ต่อเที่ยว (15 คน) โดยต้องจองล่วงหน้า ติดต่อจองเรือได้ที่คุณจำรูญ 0 3258 1233 สอบถามข้อมูลได้ที่เทศบาลตำบลหาดเจ้าสำราญ โทรศัพท์ 0 3247 8555-6 เว็บไซต์ www.hadchaosamran.go.th
2. ถ้ำเขาหลวง
ถ้ำเขาหลวง อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลง ถ้ำเขาหลวงเป็นภูเขาขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 72 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง มีหินงอกหินย้อยสีสันสวยงาม ถือเป็นถ้ำใหญ่และสำคัญที่สุดในเมืองเพชร ภายในถ้ำประดิษฐานประพุทธรูปฉลองพระองค์อันสำคัญยิ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จุดที่น่าสนใจในการมาเที่ยวถ้ำเขาหลวง คือ การได้ชมแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาจากปล่องบนเพดานถ้ำลงมาสู่พื้นข้างล่างเป็นภาพที่อัศจรรย์และงดงามมาก ซึ่งช่วงเวลาที่จะมีแสงส่องลงมาเยอะที่สุด คือเวลา 09.30-10.30 น. ซึ่งลักษณะของลำแสงจะแตกต่างกันไปตามสภาพอากาศในแต่ละฤดู ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดถ้ำเขาหลวงนี้มาก โดยทรงบูรณะพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันไดหินลงไปในถ้ำตรงทางเข้าเชิงเขาหลวงนั้น
สอบถามข้อมูลได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลธงชัย โทรศัพท์ 0 3278 0242
3. พระนครคีรี (เขาวัง)
พระนครคีรี (เขาวัง) อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี เป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด ยอดที่สูงที่สุดสูงประมาณ 95 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง แต่เดิมชาวบ้านเรียกภูเขานี้ว่า “เขาสมน” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งในขณะนั้นเป็นพระสมุหกลาโหมเป็นแม่กองก่อสร้าง จนสำเร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. 2403 พระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวเมืองเพชรเรียกกันติดปากว่าเขาวังสืบมาจนทุกวันนี้
พระนครคีรีประกอบด้วยพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิกผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอดด้วยกัน ดังนี้ยอดเขาด้านทิศตะวันออก บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็ก ประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็กยอดเขากลาง เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมเพชร ความสูง 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน จากจุดนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่าง ๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย
ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังอันเป็นที่ประทับ ได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท พระที่นั่งราชธรรมสภา หอชัชวาลเวียงชัย หอพิมานเพชรมเหศวร์ พระที่นั่งสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพัจน์ ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ นอกจากนี้มีโรงรถ โรงม้า ศาลามหาดเล็ก ศาลาลูกขุน ศาลาด่าน ศาลาเย็นใจ ทิมดาบองครักษ์ โรงครัว ตามแบบพระราชวังทั่วไป รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือ ป้อมธตรฐป้องปกทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกันทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษาทางทิศเหนือ กรมศิลปากรได้ใช้บางส่วนของพระราชวังบนยอดเขาด้านทิศตะวันตกนี้ จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปหล่อโลหะสัมฤทธิ์และทองเหลืองที่ใช้สำหรับตกแต่งห้องต่าง ๆ ในพระที่นั่ง และเครื่องกระเบื้องของจีน ญี่ปุ่น และยุโรป
เฉพาะส่วนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ทุกวัน ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ได้โดยการเดินขึ้นหรือโดยสารรถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 15 บาท
สอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 0 3242 5600
4. วัดใหญ่สุวรรณาราม
วัดใหญ่สุวรรณาราม อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี แหล่งเรียนรู้ด้านประวิติศาสตร์ ศิลปกรรม และงานช่าง ภายในวัดงดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยอยุธยา ได้แก่ ศาลาการเปรียญไม้สักทั้งหลัง บานประตูสลักลายก้านขดปิดทอง มีรอยพม่าเอาขวานจามไว้ ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน มีรูปหล่อของสมเด็จพระสังฆราชแตงโม รูปปั้นเหมือนคนจริงชิ้นแรกของประเทศไทย และมีพระพุทธรูป 11 นิ้ว ที่เป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปเทวดาชุมนุมอายุกว่า 300 ปี พระระเบียงคดล้อมรอบพระอุโบสถ หน้าบันแกะสลักไม้ลวดลายต่าง ๆ และมีตราสัญลักษณ์เลข 5 เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นวัดรัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการบูรณะและยกระดับวัดให้เป็นพระอารามหลวง และปริศนาเลข 5 กลับด้าน หมายถึงรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จสวรรคต และคงไม่ได้กลับมาที่วัดนี้อีก
สอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 0 3241 2956, 0 3241 2714
6. บุญธิดาฟาร์ม
บุญธิดาฟาร์มอำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ฟาร์มสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาดูงานการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นตอนวิธีการเพาะเลี้ยงขายพันธุ์การเก็บและคัดเลือกสาหร่ายและการทำความสะอาดสาหร่ายก่อนส่งขาย คุณค่าของสาหร่ายพวงองุ่นเป็นแหล่งรวมวิตามิน มีแคลอรีต่ำ และกากใยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย และมีการสาธิตการทำเมนูอาหารง่าย ๆ จากสาหร่ายพวงองุ่นให้นักท่องเที่ยวได้ลองชิมอีกด้วย
สอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 0 9796 6465
7. พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ วัดข่อย
พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ วัดข่อย อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบุรี พระธาตุองค์นี้ ภายนอกตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นสกุลชั้นเมืองเพชรที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะเมืองเพชรบุรี ด้านในประดิษฐานพระเศรษฐีมิ่งมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ และพระสิวลีมหาลาภร่มเย็น นอกจากนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและลวดลายแกะสลักไม้บริเวณบานประตู หน้าต่าง ลวดลายงดงามอ่อนช้อย ด้านบนยอดพระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
สอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 0 3254 520
8. ชุมชนบ้านถ้ำเสือ
ชุมชนบ้านถ้ำเสือ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หมู่บ้านท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเรียนรู้การทำธนาคารต้นไม้ โดยการปลูกต้นไม้ตามแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เรื่อง "ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" ให้ทั้งเรื่องกิน ใช้สอย เศรษฐกิจ และเรื่องระบบนิเวศ โดยการส่งเสริมให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยต้นไม้ที่ปลูกนั้นจะนำไปฝากกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งต้นไม้จะมีผลให้ชาวบ้านสามารถนำมาเป็นหลักประกันกู้เงินได้ครึ่งหนึ่งของมูลค่าต้นไม้ที่ฝากไว้กับธนาคาร นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันปั้นลูกกระสุนเมล็ดพันธุ์ (Seed Ball) และยิงหนังสติ๊กเมล็ดพันธุ์ เพื่อร่วมกันปลูกป่าในพื้นที่ของหมู่บ้านถ้ำเสือ และทดลองทำขนมทองม้วน เป็นของฝากขึ้นชื่อของหมู่บ้าน และยังมีสวนผลไม้ ทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด ให้ชม
สอบถามข้อมูล โทรศัพท์ 08 2918 7774
9. บ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง
บ่อน้ำพุร้อนหนองหญ้าปล้อง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ได้รับพัฒนาดูแลโดยชุมชน มีบ่อน้ำร้อน ซึ่งต่อท่อมาจากแหล่งกำเนิดซึ่งอยู่ห่างออกไป สามารถเดินเท้าไปชมได้สะดวก น้ำในบ่อมีอุณหภูมิประมาณ 49 องศาเซลเซียส สิ่งอำนวยความสะดวกมีโรงนวดเพื่อสุขภาพ ห้องอาบน้ำแร่แบ่งชายหญิง ร้านอาหาร
10. ตลาดน้ำตกกวางโจว
อุทยานน้ำตกกวางโจว (น้ำตกกวางโจน) อำเภอหนองหญ้าปล่อง จังหวัดเพชรบุรี น้ำตกกวางโจวประกอบไปด้วย น้ำตกชั้นต่าง ๆ ได้แก่ น้ำตกชั้นผางาม ชั้นผาประดู่เลือด ชั้นหินดำ และชั้นดงมณฑา ชั้นหินดำนั้นถือว่าเป็นชั้นที่มีหินแร่อยู่มาก และหาพบได้ยากในประเทศไทย ชื่อของอุทยานและน้ำตกไปคล้องกับเมืองที่มีชื่อเสียงจากจีนนั้น มีที่มาจากเดิมชื่อ ห้วยกวางกระโจน เจ้าหน้าที่เลยเปลี่ยนเป็นชื่อเป็น น้ำตกกวางโจว ตลาดน้ำกวางโจว เปิดบริการนักท่องเที่ยววันเสาร์ อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นพืชผักผลไม้ และอาหารที่หาชิมได้ยาก อย่างเช่นห่อหมกกระบอกไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปสปาปลา ปลาบำบัด สปาเท้าธรรมชาติแห่งแรกที่อยู่กลางป่า ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ ลำธาร และสายน้ำ นอกจากนี้ บริเวณน้ำตกยังเป็นจุดชมหิ่งห้อยภูเขายามค่ำคืน และเป็นจุดชมดาวที่ชัดเจนอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย
เปิดให้บริการ : วันเสาร์ อาทิตย์ วันนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น.
อัตราค่าเข้า : 20 บาท
โทรศัพท์ : 08 1832 2608, 08 4540 3425
เว็บไซต์ : www.kwangchowwaterfall-resort.com