เมืองงานฝีมือ ขึ้นชื่อผ้าย้อมคราม ถิ่นหมากเม่าภูพาน เนื้อโพนยางคำเลื่องลือ
เมื่อพูดถึงจังหวัดในภาคอีสาน หลายคนอาจคิดถึงวัดวาอารามหรือวัฒนธรรมประเพณีที่เราชาวพุทธคุ้นเคยกันดี แต่สําหรับที่สกลนครนั้นต่างออกไป เพราะแม้เมืองรองแห่งนี้จะตั้งอยู่ใจกลางภาคอีสาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งด้านความเชื่อและวัฒนธรรม กระทั่งทําให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายอย่างเช่น‘ชุมชนท่าแร่’ ที่ปัจจุบันกลายเป็นหมุดหมายของใครหลายคน
ชุมชนท่าแร่ หรือบ้านท่าแร่ที่เราคุ้นหูกันนั้นคือชุมชนชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมีประชากรชาวคาทอลิกอาศัยอยู่นับหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อพยพย้ายถิ่นมาตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้กันมานานนับร้อยปี รายละเอียดภายในชุมชนแดนอีสานแห่งนี้จึงน่าสนใจไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือโบสถ์ขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายเรือชื่อว่า โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ที่นับเป็นแหล่งรวมใจของผู้คน ในชุมชน กว่านั้นสถาปัตยกรรมของโบสถ์ที่ถอดแบบมาจากศิลปะโรมัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ยังทำให้ศาสนสถานแห่งนี้โดดเด่นและเปี่ยมด้วยมนตร์ขลังจนสัมผัสได้
นอกจากโบสถ์ตระการตา ชุมชนท่าแร่ยังมีร่องรอยของวัฒนธรรมโรมันให้เห็นอีกหลายอย่าง อาทิ ผังชุมชนรูปตารางหมากรุกที่ถอดแบบมาจากผังเมืองฝั่งตะวันตก รวมถึงอาคารบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแนวโคโลเนียล สะท้อนผ่านศิลปะปูนปั้นและเทวรูปต่างๆ ที่เห็นได้ตลอดสองฝั่งถนนภายในชุมชนท่าแร่ กว่านั้นทุกๆ ปีชุมชนท่าแร่ยังมีประเพณีสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่ผสมรวมกับวัฒนธรรมของชาวอีสานให้เราได้ชื่นชมมากมาย โดยเฉพาะ ‘เทศกาลแห่ดาว’ ที่จะจัดขึ้นในวันคริสต์มาสของทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูตรของพระเยซูคริสต์ ผ่านการประดิษฐ์ดาวห้าแฉกเพื่อนำมาประดับขบวนแห่สีสันตระการตาที่ชาวบ้านจะพากันแห่แหนอย่างคึกคักไปรอบชุมชน
ถัดจากชุมชนท่าแร่ อีกหนึ่งสถานที่ที่สะท้อนความหลากหลายของสกลนครได้อย่างดีคือบรรดาอาหารนานาชนิด ซึ่งส่วนมากได้รับกลิ่นอายอาหารตะวันตกเข้ามาผสมกับอาหารอีสานอย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะอาหารเช้าของชาวสกลนั้นเรียกได้ว่าพิเศษไม่เหมือนใคร
อย่างเช่น ‘ร้านมิตรอุปถัมภ์’ ร้านอาหารเช้าเก่าแก่ในตัวอำเภอเมืองสกลนครที่เปิดขายกัน ตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเมนูเด็ดที่ใครมาเยือนเป็นต้องสั่งนั้นมีนับสิบ อาทิ ไข่กระทะหนักเครื่องร้อนๆ เสิร์ฟคู่กับกาแฟโบราณสไตล์เวียดนามรสหวานหอมกลมกล่อม หรือขนมปังชุบไข่ทอดหนานุ่ม โจ๊กหมูเนื้อเนียนหอมกรุ่น รวมถึงบรรดาอาหารจานเดียวทั้งไทยและฝรั่งก็มีให้เลือกเป็นอาหารเช้าด้วยเช่นกัน แต่ถ้าใครนิยมอาหารเช้าเป็นข้าวสวยสักจาน เราขอแนะนำ ‘สกลคาเฟ่’ ร้านอายุราว 20 ปีที่มีดีตรงเมนูสตูซี่โครงหมูและไก่ เคี่ยวจนเนื้อเปื่อยนุ่มในน้ำซอสรสกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และกาแฟโบราณรับรองว่าเป็นสำรับช่วยเติมพลังมื้อเช้าได้ดีเยี่ยม
ถัดจากมื้อเช้าในอำเภอเมือง ลองมาเดินเล่นรับลมกันสักพักที่ ‘หนองหาน’ ทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งนอกจากจะอุดมด้วยความหลากหลายทางชีวภาพในระดับมีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเปิดทำการอยู่ไม่ไกล ทะเลสาบแห่งนี้ยังวิวดีด้วยบัวหลากสายพันธุ์นับหมื่นดอกที่บานสะพรั่งต้อนรับผู้มาเยือนตลอดปี โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวที่เหล่าดอกบัวจะงามเป็นพิเศษ
ถ่ายรูปดอกบัวกันจนหนำใจ ไม่ไกลกันนั้นยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น้อยคนจะรู้จัก และเลือกแวะพักเมื่อมาถึงสกลนคร นั่นคือ ‘กาแฟดริปยิปซี’ ร้านกาแฟแบบจริงจังแห่งแรกและแห่งเดียวในสกลนครที่เปิดบริการกาแฟแบบสโลว์บาร์ หรือการชงกาแฟด้วยวิธีการดริปช้าๆ เพื่อดึงเอากลิ่นและรสอันสลับซับซ้อนของเมล็ดกาแฟคั่วคุณภาพดีออกมาให้มากที่สุด โดยคาเฟ่แห่งนี้มีเมนูเด็ดทั้งร้อนและเย็น แต่ที่เห็นจะได้รับความนิยมที่สุดคือเหล่ากาแฟดริปแบบคั่วอ่อน ให้รสเข้มขมเจือเปรียวอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกาแฟสกัดเย็นที่ช่วยเติม ความสดชื่นระหว่างวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความอร่อยของเมืองสกลยังไม่จบเท่านี้เพราะมาอีสานทั้งทีถ้าไม่ได้ลิ้มลองอาหารอีสานขนานแท้ก็คงเรียกว่ามาไม่ถึง เราจึงขอแนะนำร้านลาบที่คนสกลนครลงความเห็นว่าเด็ดเป็นเสียงเดียวกันอย่าง ‘ร้านไผ่ล้อม’ ที่ตั้งแต่สายไปจนเย็นย่ำจะคลาคล่ำด้วยคนท้องถิ่นผู้ตั้งใจมาลิ้มรสลาบและเนื้อย่างรสเข้มข้น ความพิเศษของร้านไผ่ล้อมนั้นอยู่ที่เนื้อและหมูทุกชิ้นจะถูกย่างด้วยเตาถ่านจนสุกกำลังดี จึงทั้งชุ่มฉ่ำและหอมกลิ่นควันอ่อนๆ เมื่อผสมผสานกับรสชาติน้ำจิ้มสูตรพิเศษหนักเครื่องเทศพื้นบ้านของทางร้านแล้วเรียกว่าอร่อยลงตัว หากใครอยากลิ้มรสอาหารสกลนครแบบต้นตำรับขอบอกว่าห้ามพลาด
อิ่มท้องกันแล้วอย่าเพิ่งรีบไปไหน เพราะสกลนครยังมีอีกหลายสถานที่น่าตื่นใจรอให้ก้าวเท้าเข้าไปเรียนรู้ อย่างภูมิปัญญาการย้อม ‘คราม’ ที่ทั้งสวยเป็นเอกลักษณ์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยครามนั้นเป็นพืชพื้นถิ่นที่ชาวสกลนครคุ้นเคยกันมานับร้อยปีเนื่องจากมีขึ้นอยู่ตามท้องไร่ปลายนา เมื่อนำมาหมักและย้อมผ้าจะให้สีฟ้าครามสวย กระทั่งกลายเป็นองค์ความรู้พื้นบ้านส่งต่อกันมาจนปัจจุบัน ก่อนกลายเป็นสินค้าทันสมัยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่คนในชุมชน อาทิ แบรนด์ผ้าย้อมคราม ‘ครามทอง’ ที่เลือกจับมือกับชาวบ้านผลิตผ้าย้อมครามคุณภาพดีจนได้รับการยอมรับไปทั่วประเทศ
งานฝีมือล้ำค่าแบบฉบับสกลนครยังมีอีกหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือสตูดิโอเซรามิคเล็กๆ ในอำเภอหนองหานอย่าง ‘ดอนหมูดิน’ ที่เลือกใช้ดินในพื้นที่จังหวัดสกลนครมาผสมกับองค์ความรู้ด้านการปั้นอย่างศิลปินมืออาชีพ กระทั่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์เซรามิคที่แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน ด้วยรายละเอียดที่แตกต่างกันตามเนื้อดินที่แปรเปลี่ยนไปทุกฤดูกาล และเทคนิคการเผาเครื่องปั้นที่ทำกันช้าๆ ทีละชิ้น ส่งให้แบรนด์เซรามิคดอนหมูดินนั้นโด่งดังในหมู่คนรักงานศิลปะมานานหลายปี รวมถึงยังเป็นหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต้องการเข้ามาสัมผัสความละเอียดอ่อนที่สะท้อนคุณค่าของวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างไร้ที่ติ
ไล่เรียงมาถึงตรงนี้ เราคงต้องบอกว่าจังหวัดสกลนครนั้นมีดีหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมและ ประเพณีที่ผสมผสานระหว่างไทยพุทธ-ไทยคริสต์ อาหารการกินรสชาติโดดเด่นไม่เหมือนใคร รวมถึงงานศิลปะทั้งผ้าย้อมครามและเครื่องปั้นเซรามิคที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักสกลนครได้ไม่ยากเลย