กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย ผู้คนหลั่งไหลไปไม่เคยขาดสายเพื่อชมความงดงามของทะเลบัวแดงในจังหวัดอุดรธานี แต่เดี๋ยวก่อนใครบอกว่ามาที่จังหวัดอุดรธานีแล้วจะมีที่เที่ยวแค่นี้ ถ้ายังไม่รู้จะเที่ยวไหนต่อ เราจะขอนำเที่ยวให้กับสถานที่ต่อไปนี้ 

อุดรเมล่อนฟาร์ม จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดอุดรธานี โดยที่ในวันหยุดนักท่องเที่ยวมักจะเข้ามาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากที่นี่จะเปิดให้เข้าชมแปลงปลูกเมล่อนกันแบบใกล้ชิด เห็นกันสด ๆ เก็บจากต้น กรรมวิธีการปลูกที่นี่จะสะอาดและมีมาตรฐานป้องกันแมลงรบกวน ซึ่งบัตรค่าเข้าชมสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อเมล่อนต่อได้ นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังมีร้านคาเฟ่เล็ก ๆ เอาไว้คอยบริการเมนูเครื่องดื่ม ไอศกรีม และของหวานที่มีส่วนประกอบหลักจากเมล่อนที่ปลูกเอง อีกทั้งยังมีการตัดเมล่อนสดใหม่มาวางจำหน่ายทุกวัน หากใครที่ติดใจในรสชาติเมล่อนของที่นี่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากก็สามารถเลือกซื้อกันได้ตามใจชอบ

รายละเอียดการเข้าชม

• เวลาทำการ : 08.00-17.00 น. เปิดทำการทุกวัน
• ช่วงเวลาเที่ยว : ตลอดทั้งปี
• ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท (นำบัตรเข้าชมใช้เป็นส่วนลดในการซื้อเมล่อนได้)

รายละเอียดเพิ่มเติม

• ที่อยู่ : 318 บ้านป่าก้าว ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 41130
•  
• การเดินทาง : จากตัวเมืองอุดรธานีใช้ถนนพานพร้าว และเข้าสู่ถนนประจักษ์ศิลปาคม จากนั้นเบี่ยงเข้าถนนหมายเลข 2 ประมาณ 1.3 กิโลเมตร จากนั้นขับไปตามทางเรื่อย ๆ ไปตำบลผักตบ ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 44 เมตรจะถึงฟาร์มเมล่อนแห่งนี้
• เบอร์โทรติดต่อ  : 085-746-7955
• Facebook : https://www.facebook.com/Udonflowers

หลังจากเยี่ยมชมและกินเมล่อนกันจนชื่นใจหายเหนื่อยแล้ว  จนหนังท้องเริ่มตึงแต่หนังตาอย่าเพิ่งหย่อนเพราะเราจะพาไปเที่ยวต่อกับการเรียนรู้พร้อมซึบซับวิถีชุมชนชาวบ้านเชียงกันที่ 'พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ บ้านเชียง' กันต่อ...

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ บ้านเชียง ก่อตั้งขึ้นหลังการเสด็จประพาสเยี่ยมชมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีส่วนจัดแสดงในอาคารกัลยาณิวัฒนาทั้งหมด 9 ส่วนด้วยกัน ซึ่งจะจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตความเป็นมาของบ้านเชียง โดยที่นี่ถือเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญา จนเป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกลำดับที่ 359 ในปี พ.ศ. 2535 ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็น "แหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง" และนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

การเดินทาง

• รถส่วนตัว :อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 55 กิโลเมตร สามารถเดินทางตามเส้นทางหมายเลข 22 เส้นอุดรธานี-สกลนคร ตรงกิโลเมตรที่ 50 จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร จะถึงพิพิธภัณฑ์
• รถประจำทาง : จากสถานีขนส่งเก่าของจังหวัด (เยื้องกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล) โดยรถโดยสารขนส่งประจำทาง อุดรธานี-บ้านดุง, อุดรธานี-สกลนคร, อุดรธานี-บึงกาฬ มายังสี่แยกหนองเม็กเพื่อต่อมอเตอร์ไซต์รับจ้าง หรือรถสามล้อรับจ้างเข้าสู่แหล่งโบราณคดี
   

รายละเอียดเพิ่มเติม

• ที่อยู่ : หมู่ที่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 41320
• โทรศัพท์ : 042-235-040
• Facebook  : https://www.facebook.com/banchiang.museum
• เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ยกเว้นวันจันทร์
• ค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท / ชาวต่างชาติ 150 บาท

จากวิถีชีวิตชุมชนชาวบ้านเชียงต่อไปเราจะพาไปไหว้สักการะบูชา พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ชมพระอุโบสถดอกบัวกลางน้ำกันที่ วัดสันติวนาราม

วัดสันติวนาราม เป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งในจังหวัดอุดรธานี ที่นี่ถือเป็นหนึ่งเดียวในสยามกับพระอุโบสถกลางน้ำทรงดอกบัว พระอุโบสถทรงดอกบัวสีขาวตั้งโดดเด่นกลางน้ำมีสะพานทางเดินเชื่อมไปยังพระอุโบสถ ส่วนบรรยากาศภายในก็มีความวิจิตรตระการตาไม่แพ้ด้านนอก ด้วยภาพวาดฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ประดิษฐานองค์พระประธานสีขาวโดดเด่นอยู่ภายในอุโบสถ บริเวณโดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่และมีปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวสามารถทำทานด้วยการให้อาหารปลาได้อีกด้วย

การเข้าชม

• เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
• ช่วงเวลาเที่ยว : ตลอดทั้งปี
• ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย

รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

• ที่อยู่ : หมู่ 11 ต.บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี 41320
• การเดินทาง  : จากตัวเมืองอุดรธานีให้ใช้เส้นทางถนนพานพร้าวและประจักษ์ศิลปาคม ไปยังถนนหมายเลข 2 ประมาณ 1.3 กิโลเมตร จากนั้นไปสู่ถนนนิตโยเข้าสู่ตำบล หนองเม็ก ประมาณ 43.2 กิโลเมตร และให้วิ่งต่อไปประมาณ 15.6 กิโลเมตรจะถึงที่หมาย
• โทรศัพท์ : 086-229-7739
• Facebook  : https://www.facebook.com/Prasit.Tummataro

เมื่อพร้อมเดินทางต่อ ที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้ที่จะพาไปนั่นก็คืออีกหนึ่งแลนมาร์คสำคัญที่ถือเป็นจุดรวบรวมประวัติศาสตร์ในอุดรธานี 

จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากพิพิธภัณฑ์เมืองอุดร

พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่ได้มีการนำศิลปะทางสถาปัตยกรรมคลาสสิกมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับภูมิอากาศเขตร้อนในประเทศไทย ก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาทรงปั้นหยา หน้าต่างโค้ง โดยที่แห่งนี้ถือเป็นอาคารเก่าแก่ของเมืองอุดรธานี มีทั้งหมด 26 ห้อง แบ่งเป็นห้องชั้นล่าง 11 ห้อง และห้องชั้นบน 15 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับ จ.อุดรธานี ทั้งประวัติศาสตร์ โบราณคดี ธรรมชาติวิทยา ธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และศิลปวัฒนธรรม รวมถึงพระประวัติและพระเกียรติคุณของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ประโยชน์โดยเป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ของอุดรธานี  นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

การเข้าชม

• เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวันยกเว้นวันจันทร์ เวลา 08.30-16.30 น.
• ช่วงเวลาเที่ยว : ตลอดทั้งปี
• ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย

รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม

• ที่อยู่ : ถนนโพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000
• การเดินทาง : จากตัวเมืองอุดรธานีให้ใช้เส้นทางถนนอธิบดีระยะทางประมาณ 300 เมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปบนถนนเทศาตรงไปประมาณ 400 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาตรงไปอีกประมาณ 270 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 60 เมตรจะถึงที่หมาย
• เบอร์โทรติดต่อ : 042-245-976
• Facebook : https://www.facebook.com/udmuseum/

การมาเที่ยวอุดรธานีครั้งนี้นอกจากจะได้เที่ยว ได้กินแล้ว ยังถือว่าได้เรียนรู้อะไรมากมายในชีวิต เปิดมุมมองใหม่กับเมืองอีสานที่แฝงด้วยร้อยล้านอารยธรรม วิถีชีวิตชุมชนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ผสมผสานไปด้วยเสน่ห์อย่างลงตัว