ที่ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เลขที่ 34 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ
เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่ถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รู้หรือไม่ว่า พระปรางค์วัดอรุณได้ชื่อว่าเป็น “พระมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุดแห่งกรุงรัตนโกสินทร์”
ไฮไลต์ห้ามพลาด
- ด้วยความโดดเด่นของสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์พระปรางค์ก่ออิฐถือปูนสีขาวล้วนที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ประดับด้วยชิ้นเปลือกหอย กระเบื้องเคลือบ จานชามเบญจรงค์สีต่าง ๆ เป็นลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วยกินนร กินรี ยักษ์ เทวดา และพญาครุฑ ส่วนยอดบนสุดของพระปรางค์ติดตั้งยอดนภศูล ครอบด้วยมงกุฎปิดทองอีกชั้นหนึ่ง
- อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ควรค่าแก่การไปแชะภาพก็คือ ซุ้มประตูทางเข้าสู่พระอุโบสถทางด้านตะวันออก ที่มีทวารบาลยืนพร้อมกระบองคู่ใจ อย่าง “ทศกัณฐ์” ราชาแห่งยักษ์ เจ้าครองกรุงลงกา และอีกยักษ์หนึ่งที่อยู่ทางซ้าย กายสีขาว ชื่อว่า “สหัสเดชะ” เจ้าครองเมืองปางตาล มีฤทธิ์มากเช่นเดียวกับทศกัณฐ์
เวลาเปิด-ปิด วัดอรุณฯ เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น.
ค่าเข้าชม คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท
ที่ตั้ง 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ไฮไลต์ห้ามพลาด
- ไฮไลต์เด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ หรือวิหารพระนอน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเขตพุทธาวาส โดดเด่นด้วยศิลปะการประดับมุกที่ฝ่าพระบาท นอกจากนี้ภายในยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่บันทึกสรรพวิชารายล้อมรอบตัวพระวิหารตามแบบไทยประเพณี เช่น เรื่องมหาวงศ์ พงศาวดารลังกาทวีป เรื่องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
- อีกหนึ่งไฮไลต์เด่นคือเหล่าตุ๊กตาจีนที่เดินทางมาพร้อมเรือสำเภาตั้งแต่ครั้งอดีต อาทิ ตุ๊กตาจีนแต่งกายแบบฝรั่ง เป็นรูปมาร์โค โปโล ฝรั่งคนแรกที่เดินทางเข้าประเทศจีน ตุ๊กตาจีนลั่นถัน ท้าวเอวถืออาวุธ แต่งกายแบบงิ้ว หน้าตาดุเหมือนจ้องมอง เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ตุ๊กตารูปสิงโตคาบแก้ว นิยมตั้งประดับบริเวณเชิงบันได ในปากมีหินก้อนกลมเล็ก ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ตั้งอยู่ในบริเวณกำแพงสีขาวซุ้มประตูสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบจีน มีรายละเอียดได้แก่
- พระมหาเจดีย์ (กระเบื้องเคลือบสีเขียว) สร้างเพื่อครอบพระศรีสรรเพชญ์ เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1
- พระมหาเจดีย์ (กระเบื้องเคลือบสีขาว) สร้างเพื่อถวายแด่พระบรมราชชนก รัชกาลที่ 2
- พระมหาเจดีย์ (กระเบื้องเคลือบสีเหลือง) สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3
- พระมหาเจดีย์ (กระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม) สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4
เวลาเปิด-ปิด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-18.30 น.
ค่าเข้าชม คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 200 บาท
ที่ตั้ง ริมคลองมหานาคและคลองรอบกรุง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
ไฮไลต์ห้ามพลาด
- จุดเด่นของวัดคงจะหนีไม่พ้นการเดินขึ้นบันได 344 ขั้นเพื่อสักการะพระบรมบรรพตภูเขาทอง ที่เด่นเห็นเป็นสง่า บนยอดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากนี้ ยังมีพระอุโบสถซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพทศชาติ ภาพมารผจญและภาพไตรภูมิ รอบพระอุโบสถมีซุ้มเสมาตั้งประจำทั้ง 8 ทิศ ซุ้มเสมาที่วัดสระเกศเป็นทรงกูบช้างหรือซุ้มหน้านางประดับกระเบื้องงดงามถือเป็นแบบอย่างทางศิลปะ
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีอายุกว่า 200 ปี ที่ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ศรีลังกา
- พระวิหารหลวงพ่ออัฏฐารส ภายในเป็นที่ประดิษฐาน “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” พระพุทธรูปยืนศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุกว่า 700 ปี และยังเป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพมหานครอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท
ที่ตั้ง เลขที่ 661 ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10100
ไฮไลต์ห้ามพลาด
- สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนต้องเดินทางมาที่วัดนี้เพื่อมาดูให้เห็นกับตาก็คือ “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยจากสกุลช่างสุโขทัย ที่มีพุทธลักษณะอันงดงามและมีสีทองเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งองค์ ที่ไดัรับการระบุจากหนังสือกินเนสบุ๊ค ฉบับปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร นับเป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” ประดิษฐานอยู่บริเวณชั้น 4 ของ “พระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา” ที่ตัวอาคารทั้งหลังจะสร้างขึ้นจากหินอ่อนและออกแบบตามลักษณะของอาคารทรงไทยวิจิตรศิลป์ดูยิ่งใหญ่อลังการ เห็นเด่นเป็นสง่า บริเวณชั้น 2 และ 3 ยังมีพิพิธภัณฑ์ชุมชนที่เปิดให้เข้าชมได้อีกด้วย
ก่อนกลับห้ามพลาดกราบนมัสการและขอพระประธาน “พระพุทธทศพลญาณ” หรือ “หลวงพ่อโต วัดสามจีน” พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองที่มีความงดงามไม่แพ้กัน
เวลาเปิด-ปิด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 140 บาท
ที่ตั้ง 69 ถนน พระรามที่ 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
ไฮไลต์ห้ามพลาด
- พระอุโบสถ พระระเบียง ประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี ทำให้วัดเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวเที่ยวโลกว่าเป็น “The Marble Temple” โดยได้รับพระราชทานนามใหม่จากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "วัดเบญจบพิตร" ซึ่งมีความหมายว่าเป็นวัดของเจ้านาย ๕ พระองค์ จากชื่อเดิม "วัดแหลม" หรือ "วัดไทรทอง"
- อีกหนึ่งไฮไลต์ห้ามพลาดก็คือ ภาพจิตกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ ที่เป็นภาพเขียนภายในช่องคูหาผนังทั้ง 8 ที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกำหนดให้เขียนเป็น “จอมเจดีย์” ที่สำคัญของสยามทั้งหมด 8 องค์ สะท้อนอุดมคติเรื่องพื้นที่และเขตแดนสมัยใหม่
- นอกจากนี้ยังมีจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงผนวช ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เป็นภาพเขียนแบบภาพเหมือนจริง มีระยะใกล้ไกล งดงามอย่างยิ่ง
- พระพุทธรูปที่พระระเบียงพระอุโบสถ เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของวัด ด้วยความงามของ “พุทธศิลป์” เรียงรายพระอิริยาบถยืนและนั่งสลับกันถึง 11 ปาง บนฐานปูนปั้นลายไทยปิดทองสวยงาม
เวลาเปิด-ปิด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 -17.30 น.
ค่าเข้าชม คนไทยเข้าชมฟรี นักท่องเที่ยวต่างชาติเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท
เนื่องด้วยเป็นพุทธสถาน จึงต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย โดยควรสวมกระโปรงหรือกางเกงที่ยาวเลยเข่าลงไป เสื้อมีแขน ไม่รัดรูปจนเกินไปนัก