รายละเอียด
1. หลวงพ่อพระใหญ่ วัดโพธาราม
วัดโพธาราม ตั้งอยู่ที่บ้านท่าไคร้ หมู่ 5 ตำบลบึงกาฬ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ ( 5 ฟุต 4 นิ้ว ) ประดิษฐานบนแท่น 4 เหลี่ยม ซึ่งได้บูรณะขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2537 ชาวบึงกาฬได้จัดให้มีการสมโภชหลวงพ่อพระใหญ่ปีละ 2 ครั้ง คือประเพณีบุญเดือน 3 หรือบุญข้าวจี่ มีการถวายปราสาทผึ้งด้วย และประเพณีสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ จัดงานสัปดาห์หลังเทศกาลสงกรานต์
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-794.png)
2. แก่งอาฮง วัดอาฮงศิลาวาส
วัดอาฮงศิลาวาส (แก่งอาฮง) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตำบลไคสี ห่างจากอำเภอเมืองบึงกาฬ 21 กิโลเมตร บริเวณวัดกว้างขวางและสวยงาม เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธคุวานันท์ศาสดา” หล่อด้วยทองเหลืองลักษณะคล้ายกับพระพุทธชินราช เชื่อกันว่าลำน้ำโขงบริเวณหน้าวัดเป็นจุดที่ลึกที่สุดในแม่น้ำโขง หรือเรียกกันว่า “สะดือแม่น้ำโขง” ได้เคยมีการวัดโดยใช้เชือกผูกกับก้อนหินหย่อนลงไปได้ถึง 98 วา ในฤดูน้ำหลากกระแสน้ำจะไหลวนเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ เมื่อรูปกรวยแตกจะมีเสียงคล้ายกระแสน้ำไหลเซาะโขดหินแล้วจะค่อย ๆ หายไป เมื่อกระแสน้ำเชี่ยวมาอีกก็จะก่อตัวขึ้นใหม่เกิดสลับกันตลอดทั้งวัน ส่วนหน้าแล้งในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะมองเห็นแก่งชัดเจน
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-795.png)
3. ศาลเจ้าแม่สองนาง
ศาลเจ้าแม่สองนาง ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลบึงกาฬ ในตลาดอำเภอเมืองบึงกาฬ ชาวบ้านจัดให้มีพิธีบวงสรวงเจ้าแม่สองนางเพื่อเป็นสิริมงคลและให้คุ้มครองผู้ที่ประกอบอาชีพทางน้ำให้พ้นจากภัยอันตราย และนิยมสักการะเพื่อขอให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง การเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย โดยเฉพาะทางน้ำ ใช้ดอกไม้ธูป เทียน พวงมาลัย มะพร้าวอ่อน และน้ำแดง ในการสักการะ
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-796.png)
4. ตลาดลาว
ตลาดลาว เป็นตลาดนัดของอำเภอเมืองบึงกาฬ มีเฉพาะวันอังคารและวันศุกร์ ที่เรียกว่าตลาดลาวเนื่องจากมีแม่ค้าจากฝั่งลาวนำของมาขายเป็นจำนวนมากทั้งพืชผัก อาหารแห้ง และอาหารสด โดยใช้ด่านประเพณี (จุดผ่อนปรน)
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-798.png)
5. ภูสิงห์ หินสามวาฬ
ภูสิงห์ อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบ กะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายทอดตัวไปตามทิศเหนือ-ใต้ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอศรีวิไลกับอำเภอเมืองบึงกาฬ มีทรัพยากรป่าไม้ที่คงสภาพสมบูรณ์ ภูเขาหินทรายบนภูสิงห์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกในลักษณะต่าง ๆ เกิดการเรียงตัวของก้อนหิน เกิดหน้าผา ถ้ำ กลุ่มหินรูปทรงต่าง ๆ ลานหิน กระจายทั่วภูสิงห์ ทำให้เกิดความงามตามธรรมชาติลักษณะต่างกันบนภูสิงห์ สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในภูเดียวกันได้ มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สำคัญได้แก่ลานธรรมภูสิงห์ จุดชมวิวลานธรรม จุดชมวิวผาน้ำทิพย์ ถ้ำใหญ่ จุดชมวิวถ้ำฤๅษี สมรภูมิภูสิงห์ หินหัวช้าง หินช้าง หินรถไฟ ส้างร้อยบ่อ กำแพงหินภูสิงห์ และไฮไลต์ เช่น หินสามวาฬ หินมีลักษณะคล้ายปลาวาฬว่ายคลอเคลียกันพ่อ แม่ ลูก
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-799.png)
6. วัดสว่างอารมณ์ วัดถ้ำศรีธน
มีเนื้อที่ 40 ไร่ มีประวัติความเป็นมาเล่าว่า เดิมบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของชาวบ้านปากคาด ซึ่งอพยพมาจากบ้านปากกล้วย แขวงเมืองปากซัน สปป. ลาว และเมื่อก่อนยังเป็นป่าดงดิบรกทึบเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งในแต่ละปีจะมีพระภิกษุธุดงค์มาอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นสถานที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ต่อมาพระอธิการ ดอน อินทสาโร หรือหลวงปู่ด่อน ซึ่งเป็นพระที่ชาวบ้านปากคาดเคารพนับถือได้สร้างวัดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและเจริญยิ่งขึ้นตามลำดับจนถึงปัจจุบัน เหตุที่เรียกกันอีกชื่อว่า “วัดศรีธน” นั้น สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะว่าวัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองเป็งจานนครราช ซึ่งเป็นเมืองของท้าวศรีธน ตั้งอยู่บริเวณลานหิน เนินเขาร่มรื่นด้วยต้นไม้และลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่านบริเวณใต้โขดหินใหญ่ ภายในวัดประดิษฐานพระนอน ส่วนบนโขดหินมีอุโบสถทรงระฆังคว่ำ หากขึ้นไปถึงด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลจนถึงฝั่งลาว
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-801.png)
7. ภูทอก วัดเจติยาคีรีวิหาร
ภูทอก ภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง เป็นภูเขาหินทรายมองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วยภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ได้เข้ามาจัดตั้งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบมาก ภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้เวียนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของพระ เณร และชาวบ้าน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2512 ใช้เวลานานถึง 5 ปี บันไดที่ขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะสู่โลกแห่งโลกุตระ หรือโลกแห่งการหลุดพ้นด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น ภูทอกยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน บันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น ไฮไลต์จะอยู่ที่ชั้น 5 ภูทอกน้อย
8. น้ำตกเจ็ดสี
อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บ้านดอนเสียด ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา น้ำตกเจ็ดสีเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำตกเกิดจากธารน้ำของห้วยกะอาม ไหลมาตามหน้าผาหินทรายสูงและแผ่กว้างเป็นทางยาว ละอองน้ำเมื่อกระทบกับแสงแดดทำให้เกิดเป็นสีรุ้ง จึงเรียกว่า น้ำตกเจ็ดสี
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-802.png)
9. น้ำตกภูถ้ำพระ
อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตั้งอยู่บริเวณบ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา อยู่ห่างจากอำเภอเซกา 34 กิโลเมตร มีน้ำเฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น บริเวณน้ำตกเงียบสงบและร่มรื่น เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ เมื่อเดินขึ้นมาบนลานหินด้านหลัง จะพบหุบเขาแอ่งกระทะขนาดกว้างประมาณ 200 ตารางเมตร น้ำตกจะไหลผ่านหน้าผากว้างราว 100 เมตร สูงประมาณ 50 เมตร และไหลรวมกันยังแอ่งเบื้องล่าง สามารถลงเล่นน้ำได้
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-803.png)
10. บึงโขงหลง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตินิเวศ และแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ มีลักษณะแคบและยาว มีเนื้อที่ 8,064 ไร่ น้ำในบึงลึกโดยเฉลี่ยประมาณ 0.05-1.0 เมตร ต้นน้ำของบึงโขงหลงเกิดจากภูวัวและภูลังกาไหลมารวมกัน เดิมเป็นลำน้ำแคบ ๆ ไหลลงลำห้วยฮี้ แล้วไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม และไหลลงสู่แม่น้ำโขงในที่สุด เมื่อ พ.ศ. 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาโครงการเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2523 และได้ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เมื่อ พ.ศ. 2525 บึงโขงหลงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติอันดับที่ 1,098 ของโลก (Wetland of International Importance) ในปี พ.ศ. 2544 มีพื้นที่กว่า 22 ตารางกิโลเมตร ยาว 13 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและพืชน้ำนานาชนิด พบนกน้ำกว่า 100 ชนิด รวมทั้งปลาบู่แคระที่หาดูได้ยาก บึงโขงหลงเป็นที่พักอาศัยของนกอพยพมากกว่า 30 ชนิด
![10 เท่...น่าเที่ยว จ.บึงกาฬ](https://api.tourismthailand.org/upload/live/content_article/4-804.png)