ร่มเย็นใจในภูทอก ยลธรรมชาติหินสามวาฬ บึงกาฬน่าอัศจรรย์

จังหวัดบึงกาฬเพิ่งปรากฏบนแผนที่ประเทศไทยเพียงไม่กี่สิบปี ด้วยเดิมทีบริเวณนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองคาย จังหวัดใหญ่ที่พรั่งพร้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวและย่านธุรกิจ เนื่องจากเชื่อมติดกับประเทศลาวและหลายจังหวัดภาคอีสาน แต่ความกว้างขวางนี้เองที่ทำให้บางพื้นที่ในหนองคายถูกมองข้าม

หนึ่งในนั้นคืออำเภอทางทิศเหนืออย่าง ‘บึงกาฬ’ ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งยังมีภูมิศาสตร์เหมาะสมแก่การค้าขาย กระทั่งได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดบึงกาฬ ในปี 2554 นับเป็นจังหวัดที่ 76 ของประเทศไทย และถ้าถามว่าบึงกาฬมีดีอย่างไร นอกจากพื้นที่กว้างใหญ่เขียวชอุ่มด้วยต้นไม้นับล้านต้น ก็คงต้องไล่เรียงให้เห็นเป็นข้อๆ จากที่เราได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง

ความน่าสนใจแรกของบึงกาฬนั้นอยู่ที่ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ด้วยเป็นเมืองริมแม่น้ำโขง ทั้งยังตั้งอยู่เหนือสุดของภาคอีสาน สภาพอากาศจึงชื่นฉ่ำตลอดทั้งปี และมีพืชเศรษฐกิจทำกำไรให้ชาวบึงกาฬเป็นกอบเป็นกำอย่าง ‘ยางพารา’ เมื่อเราเดินทางเข้าสู่เขตจังหวัดบึงกาฬจึงพบต้นยางพาราสูงชะลูด เรียงแถวยาวตลอดสองข้างทาง ทั้งยังผลิใบให้ร่มเงาตลอดทั้งปี บึงกาฬจึงเป็นจังหวัดในภาคอีสานที่ไม่ร้อนแล้งอย่างใครคิด เพราะมีพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งให้ร่มเงาและความชุ่มชื้นเช่นนี้

และด้วยมียางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจมานาน ทุกๆ ปลายปีจังหวัดบึงกาฬจึงจัดให้มีงาน ‘วันยางพารา’ เพื่อจัดแสดงสินค้าจากยางพารา รวมถึงให้ความรู้ในการพัฒนาด้านการเกษตรแก่ผู้สนใจ กระทั่งกลายเป็นจุดรวมตัวของเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และนักธุรกิจทั้งไทยและเทศที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งน้อยคนจะรู้ว่าในภาคอีสานก็มียางพารามากมายไม่แพ้แดนใต้ทีเดียว

นอกจากร่มเงาจากต้นยางพารา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของบึงกาฬยังมีอีกหลากหลาย อาทิ เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ หรือที่คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “ภูสิงห์” ซึ่งกินพื้นที่ป่าสงวนนับหมื่นไร่ กว่านั้นยังมีวิวภูเขาหินทรายสลับซับซ้อนอายุนับล้านปีให้เราได้สัมผัส

โดยบริเวณภูสิงห์เป็นแหล่งรวมสถานที่ท่องเที่ยวนับสิบแห่ง ที่โดดเด่นในระดับมาถึงแล้วต้องมาเยือนนั้นได้แก่ ‘ลานธรรมภูสิงห์’ ลานกว้างซึ่งปรากฏหน้าผาหินทรายขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทั้งยังเป็นสถานที่ประดิษฐาน ‘หลวงพ่อพระสิงห์’ที่ชาวบึงกาฬให้ความเคารพศรัทธาและนิยมขึ้นมาสักการะกันในช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา

ส่วนอีกหนึ่งสถานที่คือ ‘หินสามวาฬ’ ก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อนที่มีลักษณะคล้ายวาฬผุดขึ้นกลางป่าเขียวชอุ่ม ชาวบ้านจึงพากันขนานนามว่าหินสามวาฬ หรือหินวาฬพ่อแม่ลูก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาเที่ยวชมความ สวยงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างกันได้อย่างใกล้ชิด กว่านั้นเมื่อยืนอยู่บนจุดสูงสุดของหินสามวาฬยังสามารถทอดสายตาไปได้ไกลถึงฝั่งลาว และเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดบึงกาฬแบบ รอบทิศอีกด้วย

ถ้าใครอยากเต็มอิ่มกับทัศนียภาพของหินสามวาฬ ขอกระซิบนิดหนึ่งว่าให้มาเยือนช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดิน โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่บริเวณหินสามวาฬ จะปกคลุมด้วยทะเลหมอกหนาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เป็นภาพงามตาที่หลายคนอาจไม่คิดว่าจะมีปรากฏในภาคอีสาน

ท่องเที่ยวกลางป่ากันจนหนำใจ ลองลงจากภูเขามาเยือนน้ำตกกันบ้าง ณ ‘น้ำตกถ้ำพระ’ หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ซึ่งซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกของอำเภอเซกา ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว โดยความน่าสนใจของน้ำตกแห่งนี้เริ่มต้นตั้งแต่การเดินทางซึ่งต้องนั่งเรือยาวล่องเข้าไปในลำน้ำสีเขียวมรกต เพื่อพบกับน้ำตกใหญ่ไหลลดหลั่นตามชั้นหินทรายตลอดทั้งปี กว่านั้นบริเวณน้ำตกถ้ำพระยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ให้สักการะและเป็นสัญลักษณ์ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวัดป่าเมื่อหลายสิบปีก่อน

ถัดจากความงามตามธรรมชาติ จังหวัดบึงกาฬยังมีความงามที่เกิดจากการสรรค์สร้างของมนุษย์ด้วยเช่นกันนั่นคือ ‘พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต’ หมู่บ้านท่องเที่ยวสตรีทอาร์ต ในอำเภอโซ่พิสัย ที่ชาวบ้าน ภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมมือกันพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งวิถีลูกอีสานที่สะท้อนผ่านงานศิลปะแนวสตรีทที่ปรากฏทั่วชุมชน อาทิ กราฟฟิตี้ลายพญานาค และตัวละครในนิทานพื้นบ้านบนกำแพงและผนังบ้านหลายสิบหลัง รวมถึงการเปลี่ยนบ้านเก่าให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมสำหรับจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้หาดูยากของชาวอีสาน อาทิ ครัวเตาฟืนสุดคลาสสิก รวมถึงงานหัตถกรรมแสนประณีต ทั้งกระติบข้าวเหนียวสานจากต้นคล้า พืชพื้นถิ่นก้านเรียวยาวที่ชาวบ้านนิยมนำมาสานเป็นภาชนะซึ่งนับเป็นภูมิปัญญาสืบทอดกันมานับร้อยปีก็มีให้สัมผัสอย่างใกล้ชิดภายในชุมชนแห่งนี้

นอกจากบรรดางานศิลปะน่าตื่นตาตื่นใจหมู่บ้านท่องเที่ยวแห่งนี้ยังมีกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมายให้บริการ ทั้งตลาดนัดสินค้าท้องถิ่นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ที่รวบรวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ ผักพื้นบ้าน และของฝากที่ผลิตจากวัตถุดิบในท้องไร่ปลายนาวางขายในราคาย่อมเยา รวมถึงเส้นทางปั่นจักรยานรอบชุมชนที่มีไกด์อาสาคอยให้ความรู้อยู่ตลอดเวลา หรือจะเลือกพักโฮมสเตย์ก็มีบ้านคลาสสิกให้เลือกเอนกายหลายหลังเช่นกัน

ท่องเที่ยวรอบนอกกันแล้ว ลองเลี้ยวเข้ามาในตัวเมืองบึงกาฬอีกครั้ง ด้วยยังมีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวร่วมสมัยรอให้เราก้าวเข้าไปชื่นชมเช่นกัน อาทิ ‘รู้สึกดีคาเฟ่’ ร้านกาแฟดีไซน์เก๋กลางอำเภอเมืองบึงกาฬที่มีเมนูกาแฟคุณภาพดีรวมถึงเบเกอรี่หลากหลายเมนูรอเสิร์ฟ ความน่าสนใจของคาเฟ่แห่งนี้อยู่ตรงเมนูที่เจ้าของร้านคิดขึ้นใหม่เพื่อเอาใจลูกค้า ทั้งกาแฟทุเรียน กาแฟผสมน้ำส้ม รสเปรี้ยวอมหวานสดชื่น รวมถึงบราวนี่ปั่นกับช็อกโกแลตและนมรสชาติเข้มข้นหวานมัน นับเป็นแก้วที่ช่วยเติมความสดชื่นจากแดดร้อนระอุได้ดีทีเดียว

เย็นย่ำค่ำลงอย่าเพิ่งรีบตรงกลับที่พัก ด้วยรอบอำเภอเมืองบึงกาฬยังมีแหล่งหย่อนใจ อีกมาก ทั้งทางเดินเลียบแม่น้ำโขงที่ผู้คนมาออกกำลังกายและรับลมเย็นๆ กันคลาคล่ำ รวมถึงร้านอาหารนานาชนิดที่เปิดเรียงรายอยู่ริมฝั่งน้ำ อาทิ ‘ร้านตําเต็ง’ ร้านอาหารอีสานรสชาติจัดจ้านโดดเด่นด้วยวัตถุดิบสดๆ จากแม่น้ำโขง ทั้งจิ้มจุ่มปลาแม่น้ำ ปลาแม่น้ำลวกจิ้ม หรือจะอาหารอีสานสุดเบสิกอย่างลาบน้ำตก ส้มตำก็ปรุงได้อย่างถึงเครื่อง ไม่เสียชื่อร้านอาหารที่ชาวบึงกาฬนิยมฝากท้องกันมานาน

และความรื่นรมย์ทั้งหลายที่เราสาธยายมา คือคำตอบว่าทำไมจังหวัดใหม่อย่างบึงกาฬจึงน่าสนใจ และกำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่นักเดินทางปักหมุดไว้เป็นจุดหมายปลายทาง