น่าน เมืองเล็ก ๆ ที่งดงามด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม และเอกลักษณ์ท้องถิ่น เป็นอีกหนึ่งเมืองสงบ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่นักเดินทางต่างใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวสัมผัสบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะไปเที่ยวน่านฤดูไหนก็สวยงามเสมอ มาเที่ยวฤดูฝนจะได้ความเขียวขจี ได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของทิวเขาที่เรียงรายกันสลับซับซ้อนเคล้าสายหมอกอลังการ และทุ่งนาเขียวขจี น่านมีอะไรดี ทำไมถึงเป็นจุดหมายของนักเดินทางที่หลงใหลในธรรมชาติ วันนี้ได้รวบรวมเอาความงดงามของน่านมาอวดกัน เป็นการเที่ยวน่านฉบับ 4 วัน 3 คืน ลางานแบบพอกรุบกริบ หนีไปสูดอากาศดี ๆ ด้วยกัน

เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่หัวค่ำ หลังจากหาอะไรกินที่ตลาดในเมืองน่านแล้ว ก็มุ่งหน้าไปหาอะไรเขียว ๆ กันเลย น้ำตกตาดหลวงช่วงหน้าฝนน้ำเยอะมากแล้วคนก็น้อยมาก ๆ ด้วย เหมือนกับเจอเพชรเม็ดงามในป่าเลยแหละ เล่นน้ำให้สดชื่นก่อนไปลุยกันต่อ 
( พิกัด : https://goo.gl/maps/eT5CzPsTdh1YE3nV6 ) 

นับได้ว่าเป็นอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดน่าน โค้งเลข 3 อยู่บนเส้นทาง สันติสุข - บ่อเกลือ ถนนหมายเลข 1081 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 38-39 แวะถ่ายรูปเท่ ๆ กันได้ 
( พิกัด : https://goo.gl/maps/GE3o23j7MA4xejHZ6 )

ก่อนไปบ้านสะปัน แวะเข้ามาชมอีกหนึ่งความงามของน้ำตกสะปัน น้ำตกเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าฝนที่น้ำจะเยอะหน่อย บางที่เราแค่ต้องการนั่งนิ่ง ๆ ฟังเสียงน้ำตก ซึมซับความงดงามของธรรมชาติ ให้เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกอันงดงามใบนี้ 
( พิกัด : https://goo.gl/maps/rgJCDb2ASBbWHRP46 ) 

หมู่บ้านเล็ก ๆที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอากาศเย็นสบายตลอดปี ไอหมอกสีขาว สายน้ำ ทุ่งนา และ ชาวบ้านที่แสนน่ารัก ทุกสิ่งลงตัว ใครมาที่นี่เป็นต้องตกหลุมรักโดยง่ายดาย ( พิกัด : https://goo.gl/maps/xb5xp36aeeSaJ9tb7 )

ไปสัมผัสความงดงามของไอหมอกที่บ้านห้วยโทน หมู่บ้านที่ไกลลิบ แต่พอไปถึงรับรองว่าวิวปังมาก ๆ ช่วงหน้าฝนแบบนี้ ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไป หากเป็นรถบ้าน สัมภาระไม่เยอะ ล้อยางเป็นดอกยางวิบากจะเหมาะกว่า หากใครมีรถมอเตอร์ไซค์วิบากขับขึ้นไปมันส์แน่นอน หรือหากใครไม่มียานพาหนะ ก็ไปลุยได้เหมือนกัน เพราะมีบริการรถรับ-ส่ง ติดต่อได้ที่พี่น้อย บ่อเกลือ 090-3176757 ได้เลย 
ไปเจอไอหมอกสีขาว ที่ปกคลุมทิวเขาสีเขียว ของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้กับเรา ความงดงามแห่งการเดินทางที่ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่อาจจะเป็นความงามจากระหว่างทางที่เราได้สัมผัส 
( พิกัด : https://goo.gl/maps/fUu91X9qLa1dkd5d6 )

เป็นถนนที่สวยมากอีกเส้นหนึ่งในประเทศไทย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสงบ ได้สัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทางแบบเต็มอิ่ม สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชื่นใจ เพราะมีภูเขาและต้นไม้ปกคลุมทั้งพื้นที่ ต้องบอกเลยว่าวิวสวยมากจริง ๆ หรือถ้าใครอยากมาเก็บบรรยากาศสายหมอกบาง ๆ พัดผ่านทิวเขา แนะนำให้ขับมาในช่วงเช้า ถนนเส้นนี้รถวิ่งไม่เยอะมาก ยิ่งทำให้รู้สึกถึงธรรมชาติมากขึ้น 
( พิกัด : https://goo.gl/maps/gcvLjXVnhnt76hM38 )
 

เปลี่ยนบรรยากาศไปใช้ชีวิตอยู่กลางทุ่งนา อากาศดี ๆ ขี่ควาย กินพิซซ่า ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ บางวันมีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังชิล ๆ ดื่มอะไรเย็น ๆ ฟังเพลงเพราะ ๆ เพลิน ๆ แทบไม่อยากจะลุกไปไหน 
ปล.พิซซ่ามีแค่วันละ 20 ถาดเท่านั้น แนะนำให้โทรจองก่อนไป 
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม FB : DaiDib DaiDee โทร : 087-1785069 เวลาเปิดปิด : 16.30-20.00 น. (ร้านหยุดทุกวันพุธ) 
( พิกัด : https://g.page/Permaculture-nan?share )

มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้กับการขึ้นไป บ้านสกาด ชุมชนเล็ก ๆ กับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายบนเทือกเขาดอยภูคา ตั้งอยู่กลางธรรมชาติ มีวิวทิวทัศน์เป็นทิวเขาสลับซับซ้อน ด้วยบรรยากาศที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบ และเย็นสบายตลอดปี ที่ดอยสกาดนี้มีโฮมสเตย์ที่มีกาแฟดริป และชาให้ลิ้มลอง ใครที่ชอบทั้งวิวภูเขา และดื่มกาแฟอยู่แล้วลองออกมาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ดูสักครั้ง ดอยสกาดอยู่ห่างจากตัวเมืองปัว 20 กม. ระหว่างทางวิวสวยมาก และรถเก๋งสามารถขับขึ้นได้ ไม่ต้องห่วง ใช้เวลาขับขึ้นดอยประมาณ 30 นาที
( พิกัด : https://goo.gl/maps/Mf3DATzs1nNLiGj79 )  

การเดินทางอาจจะมีจุดสิ้นสุด แต่ความงดงามของธรรมชาติจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป ก่อนกลับแวะชิมกาแฟแสนอร่อยที่ ร้านสกาด กม.8 ร้านกาแฟ และเป็นที่พักเล็ก ๆ ระหว่างทางไปดอยสกาด เป็นร้านกาแฟที่วิวสวยมากอีกแห่งหนึ่งของดอยสกาด
( พิกัด : https://goo.gl/maps/X6gEF8yEepWPLxwm9 )