เมืองหมูย่างอร่อย เรียงร้อยด้วยหมู่เกาะ ตระการตาวัดวา วังเทพทาโรและศาลเจ้า
หากถามถึงจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ เชื่อเหลือเกินว่าจังหวัด ‘ตรัง’ ย่อมอยู่ในลิสต์อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยลักษณะพื้นที่ที่เป็นเมืองท่าใหญ่มาตั้งแต่อดีต จึงกลายเป็นแหล่งรวมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งมลายู ไทย จีน รวมถึงฝรั่งจากฝั่งตะวันตกที่เดินทางข้ามโลกมาค้าขายในดินแดนที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรแห่งนี้ จังหวัดตรังจึงเต็มไปด้วยสีสันทั้งจากที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง และจากที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมานานหลายร้อยปี
แนวอยู่แนวกินของชาวตรังนั้นมีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนจังหวัดไหน โดยเฉพาะมื้อเช้า ที่เต็มไปด้วยตัวเลือกนานาชนิด ไล่ตั้งแต่ร้านติ่มซำรสเด็ดในย่านคนจีน ร้านโรตีน้ำชาในชุมชนมุสลิม เรื่อยไปถึงร้านอาหารพื้นถิ่นแสนอร่อย ที่มีไม่น้อยให้เลือกชิม หรือหากยังเลือกไม่ได้ เราขอแนะนำให้ตื่นเช้าสักหน่อย แล้วสาวเท้าเดินเข้าตลาดเช้าเพื่อพบร้านอร่อยที่เปิดให้บริการกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
อาทิ ร้าน ‘หัวหมูผักบุ้งเจ๊กี่’ ในตลาดเทศบาลตรัง ที่เปิดครัวกันตั้งแต่ราวตี 5 พร้อมสรรพด้วยเมนูแปลกตาและแปลกลิ่น โดยเฉพาะจานเด็ดอย่าง ‘หัวหมูผักบุ้ง’ ที่เลือก ใช้หัวหมูต้มมาหันเป็นชิ้นบาง วางเคียงผักบุ้งไทยต้นอวบลวกสุกกำลังดี ก่อนราดด้วย ‘น้ำส้มเจือง’ สีชมพูรสเปรี้ยวหวานสดชื่นที่เคี่ยวจากพริกสดและน้ำมะขามเปียก เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็นรสชาติอร่อยลงตัวหรือหากใครไม่อยากกินเนื้อให้หนักท้องในมื้อเช้า เจ๊กี่ก็มีข้าวเกรียบปากหม้อชิ้นใหญ่ที่ทำกันชิ้นต่อชิ้นไว้รอเสิร์ฟ และถ้าจะให้ครบเครื่องอย่าลืมตามด้วยน้ำชาร้อนๆ สักแก้ว เท่านี้ก็อิ่มและอร่อย
หลังอิ่มกับปากหม้อเจ๊กี่แล้ว อย่าเพิ่งรีบสาวเท้าก้าวไปไหน เพราะตลาดเทศบาลตรังยังมีรายละเอียดอีกมากมายให้เดินทอดน่องเที่ยวชม โดยเฉพาะบรรดาผักพื้นบ้านหลากหลายชนิดที่คนเมืองอาจไม่คุ้นตา ไม่ว่าจะผลมะม่วงหิมพานต์สดสีสันจัดจ้าน ของดีประจำ ‘เกาะสุกร’ ที่ตั้งอยู่ห่างจากท่าเรือกันตังไม่ไกล หรือบรรดา ‘หมูย่างเมืองตรัง’ ก็มีหลายร้านให้ลอง พิเศษตรงแต่ละร้านจะนำหมูย่างทั้งตัวมาวางให้เลือกซื้อกันแบบจุใจ และจะยิ่งอร่อย หากเลือกซื้อหมูย่างสุกใหม่ร้อนๆ มากินคู่กับกาแฟร้อนหรือน้ำชารสเข้ม เพียงเท่านี้มื้อเช้าของคุณที่จังหวัดตรังก็จะรุ่มรวยด้วยรสชาติและบรรยากาศแล้ว
จบมื้อเช้าเข้าช่วงสาย ก็อย่าเพิ่งบ่ายหน้าไปไหน เพราะถัดไปไม่ไกลจากตลาดเทศบาลตรัง ยังมีร้านอร่อยเรียงรายให้เลือกลิ้มลองอีกเพียบ แต่ร้านเด็ดที่เราอยากนำเสนอเป็นพิเศษคือ ‘ขนมเปี๊ยะซอย 9’ ร้านขนมเปี๊ยะเก่าแก่อายุหลายสิบปี ที่วันนี้กลายเป็นจุดแวะพักของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ด้วยคุณภาพของขนมเปี๊ยะหนักเครื่องที่รสชาติเข้มข้นถึงใจ ทั้งไส้เผือกอบใหม่ร้อนๆ ที่มีให้ได้ชิมกันตลอดเวลา หรือจะไส้ชาเขียว ไส้ไข่เค็ม หรือกระทั่งไส้พิเศษที่นานๆ ครั้งจะปรากฏให้เลือกซื้ออย่าง ‘ไส้หมูย่างเมืองตรัง’ ก็อร่อยจนทำให้หลายคนต้องกลับมาเยี่ยมตรังครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากขนมเปี๊ยะร้านนี้ยังมีอีกหลายขนมสไตล์จีนรสกลมกล่อมเสิร์ฟพร้อมชาร้อนหอมกรุ่น ให้เราค่อยๆ นั่งจิบชาและเลือกซื้อขนมอร่อยกลับไปเป็นของฝากอย่างไม่ต้องรีบร้อน
เมื่อเสร็จจากภารกิจในร้านขนม สถานที่ไม่ไกลกันที่เราอยากให้คุณเดินลัดเลาะมาเที่ยวชม คือบรรดาสถานที่ทางศาสนาที่มีมากกว่าแค่วัดวาอารามทั่วไป โดยเฉพาะโบสถ์คริสต์เมืองตรัง ซึ่งก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 หรือกว่าร้อยปีก่อน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งโปรตุเกสผ่านพ่อค้าที่เดินทางอ้อมโลกมาพร้อมกับเหล่ามิชชันนารีผู้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาตามเมืองท่าใหญ่ในอดีต และแน่นอนว่าตรังคือหนึ่งในนั้น ถัดจากโบสถ์คริสต์ไม่ไกลอย่าลืมไปสักการะศาลเจ้าฮกเกี้ยน (ศาลเจ้ามาจ้อโป๋) หรือศาลเจ้าท่ามก๋งเยี่ย ณ อำเภอกันตัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของเซียมซีเสี่ยงทาย หากใครอยากมีคู่อยากมีบุตรสมใจ หรือมีสิ่งที่คิดหวังหมายปอง หมุดหมายที่ต้องปักไว้คือศาลเจ้าแห่งนี้
มากกว่านั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความหลากหลายของความเชื่อในเมืองตรัง ด้วยเป็นอาคารที่ผสมเอาศิลปะแบบจีนและไทยพุทธเข้าไว้ด้วยกัน ในแต่ละปีศาลเจ้าทั่วทั้งเมืองตรังยังมีเทศกาลน่าตื่นตาตื่นใจให้เข้าร่วม อาทิ เทศกาลถือศีลกินผัก (เทศกาลกินเจ) ช่วงเดือนตุลาคมที่สืบทอดกันมานานเกือบ 200 ปี ทั้งยังมีอาหารนานาชนิดที่มีส่วนผสมทั้งจีน มุสลิม และฝรั่ง แบบปราศจากเนื้อสัตว์ให้ได้ลิ้มลองอย่างละลานตา
ทว่าสำหรับใครที่อยากสัมผัสเมืองตรังแบบร่วมสมัย สถานที่ที่พลาดไม่ได้คือบรรดาคาเฟ่ขนมอร่อยที่มีให้เลือกหลายสิบร้านโดยเฉพาะ ‘ทับเที่ยงโอลด์ทาวน์คาเฟ่’ ร้านที่ ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ ใจกลางเมืองตรัง คลอด้วยเสียงเพลงเก่าพร้อมภาพวาดเมืองตรังโดยศิลปินฝีมือดีเรียงรายให้เลือกจับจอง แต่มากกว่านั้นคือบรรดาเครื่องดื่มแสนสดชื่นทั้งชาและกาแฟ แถมยังมีขนมหวานโบราณหากินยากมากมาย อาทิ ‘โอ้เอ๋ว’ หรือวุ้นเนื้อหนึบทำจากเมล็ดมะเดื่อไต้หวัน โปะด้วยน้ำแข็งก่อนราดน้ำเชื่อมหวานหอมชื่นใจ เป็นเมนูที่ทำให้โอลด์ทาวน์คาเฟ่กลายเป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวมานานหลายปี
อิ่มหนำกับขนมหวานยามบ่ายเรียบร้อย คล้อยเข้าช่วงเย็นย่ำเมืองตรังก็มีเสน่ห์ไม่แพ้เวลาไหน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองที่มีทั้งตลาดมิดไนท์และร้านรวงเก่าแก่เปิดขายกันอย่างคึกคัก ทว่าร้านที่ทำให้เราหลงรักเมืองตรังแบบถอนตัวไม่ขึ้น คือร้านอาหาร ‘เพอรานากัน’ ที่กำกับรสชาติโดยแม่ครัวชาวเพอรานากัน หรือชาวจีนลูกผสมที่เติบโตอยู่บริเวณชุมชน เมืองท่าของหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะบริเวณ ‘ท่าเรือกันตัง’ ที่นับเป็นชุมชนที่มีความ หลากหลายทางเชื้อชาติสูงมาก เนื่องจากเป็นท่าเรือที่พ่อค้านานาประเทศเดินทางเข้าออกกันมานานหลายร้อยปี อาหารเพอรานากันจึงนับเป็นรสชาติแบบ ‘ลูกผสม’ ซึ่งหากใครได้ไป เยือนเมืองตรัง นอกจากหมูย่างแล้วเมนูนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ควรลอง
ร้านนั้นคือ ‘ตรัง โคอิ’ และ ‘บาร์ริมรั้ว’2 ร้านอาหารเพอรานากันขนานแท้ที่ดูแลรสชาติด้วยแม่ครัวมือฉมังอย่างเซฟอุ้ม-คณพร จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้นอกจากจะทำอาหารอร่อยแล้วยังมีเรื่องราวหลังครัวรอเล่าให้ทุกคนฟังด้วยรอยยิ้ม อาทิ วิถีชีวิตของชาวตรังในอดีตที่สะท้อนผ่านสำรับเพอรานากัน ซึ่งเป็นส่วนผสมของอาหารจีนที่ใช้เนื้อหมูและการตุ๋นเคี่ยวเป็นพื้นฐาน ทว่าก็มีส่วนผสมของเครื่องเทศจากตะวันออกกลางและอินเดีย รวมถึงการใช้มันฝรั่งและมะเขือเทศแบบฝรั่งฝั่งยุโรป ที่ผสมรวมกันเป็นรสชาติที่อธิบายความเป็นเมืองตรังได้ดีว่าเป็นเมืองท่าแห่งความหลากหลายอันสวยงาม
ถัดจากบรรดาร้านอาหาร คาเฟ่ วัดวา และศาลเจ้าในอำเภอเมืองแล้ว อีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนจับรถไปเที่ยวชมนั้นไกลออกไปสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าคุ้มเวลา อย่างแน่นอน ที่แห่งนั้นคือ ‘ชุมชนย่านซื่อ’ หรือที่คนพื้นถิ่นเรียกขานกันว่า ‘ชุมชนปากกัด ตีนถีบ’ ด้วยอาชีพหลักของคนในชุมชนนั้นคือการนำ ‘ใบจาก’ ที่ได้จากป่าจากที่มีมากบริเวณใกล้เคียงมาสานเป็น ‘หมาตักน้ำ’ รูปทรงคล้ายตะกร้อที่สามารถใช้ตักน้ำกินน้ำใช้ได้อย่างสบาย หรือจะใช้เป็นภาชนะใส่เครื่องดื่มก็เก๋ไก๋และช่วยอนุรักษ์ให้โลกสวยงามได้อีกทาง
ยิ่งไปกว่านั้น ชุมชนย่านซื่อยังขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์จากต้นจากอันหลากหลาย อาทิน้ำส้มจาก หรือน้ำส้มสายชูที่ดองด้วยน้ำตาลจากรสเปรี้ยวอ่อนๆ และมีกลิ่นหอมเป็น เอกลักษณ์ ชาวใต้นิยมนำไปปรุงแกงส้มให้รสจัดจ้านถึงใจ หรือถ้าใครเป็นสายหวาน ขอบอกว่าลูกจากเชื่อมของชุมชนย่านซื่อก็มีชื่อเสียงเลื่องลือด้วยเช่นกัน ทว่าถ้ายังไม่จุใจใครอยากลงมือสานหมาตักน้ำ (กระบวยตักน้ำรูปทรงคล้ายก้นหอย) ด้วยตัวเอง ชาวชุมชนย่านซื่อก็พร้อมเปิดเผยเคล็ดลับกันแบบไม่หวงความรู้ เรียกว่าเป็นชุมชนที่มีครบทั้งงานศิลปะ ของกิน ของใช้ รวมถึงยังมีบทสนทนาดีๆ กับชาวบ้านรอให้เราได้เรียนรู้
จากทั้งหมดที่สาธยายมาถึงตรงนี้ เราคงสามารถพูดได้เต็มปากว่าเมืองตรังนั้นแม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่กลับเต็มไปด้วยรายละเอียดน่าหลงรัก ด้วยมีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ และสภาพแวดล้อม ธรรมชาติก็มี หรือสถานที่เที่ยวในเมืองก็น่าสนใจ หากใครยังลังเลว่าจะไปเยือนเมืองตรังดีไหม บอกได้ว่าอย่าลังเลใจ รีบจองตั๋วแล้วไปเซย์ไฮเมืองตรัง แล้วจะไม่ ผิดหวังอย่างแน่นอน!